วันนี้ (23 ธ.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยา นายพอละจี รักจงเจริญหรือ”บืลลี่”แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก - บางกลอย จ.เพชรบุรี พร้อม นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
นายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า ดีเอสไอเรียก มึนอ และตนเอง แจ้งว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอ มีความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์กับพวก 6 ข้อหา แล้ว ประกอบด้วยข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้อาวุธข่มขืนใจและใช้กำลังประทุษร้าย ปล้นทรัพย์ ทุจริตเพื่ออำพรางศพ และกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ซึ่งการทำคดีของดีเอสไอทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะบิลลี่เป็นนักต่อสู้เพื่อนักสิทธิมนุษยชน ที่ผ่านมาบิลลี่ไม่เคยมีศัตรู การสั่งฟ้องในครั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศทั่วโลกเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีมาตรฐานเป็นไปตามหลักสากล และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน
พ.ต.ท.เชน กาญจนปัทม์ ผู้อำนวยการกองปฎิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ กล่าวว่า วันนี้ดีเอสไอจะนำสำนวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อสั่งฟ้องคดีต่อศาล โดยสำนวนคดีของดีเอสไอพร้อมหลักฐานมีจำนวน 17 แฟ้ม 3 ลัง ยืนยันว่าที่ผ่านมาดีเอสไอได้ทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้อย่างละเอียดและครบถ้วนที่สุด
ส่วนกรณีที่นายชัยวัฒน์และพวก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปฎิเสธไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวน แต่ได้เปลี่ยนใจร้องขอ โดยระบุว่าจะขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ให้เวลาถึงวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่นายชัยวัฒน์ ก็ไม่ได้ส่งคำให้การมาแต่อย่างใด ดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องสรุปสำนวนส่งอัยการ และในชั้นนี้อัยการจะมีเวลาในการสรุปสำนวนภาย 40 วัน หรือยังเหลือเวลาการในการผัดฟ้องฝากขังอีก 3 ผัด
ขณะที่นางมึนอ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและพอใจกับการทำงานของดีเอสไอ ทำให้เห็นว่ากระบวนการยุติธรรมยังมีอยู่จริง ทั้งนี้ เมื่อคดีเดินเข้ามาถึงจุดนี้ก็ไม่มีใครมาข่มขู่คุกคาม และได้รับการดูแลจากกระทรวงยุติธรรมเป็นอย่างดี