วันนี้ (3 ม.ค.2562) สถานีโทรทัศน์ของอิหร่านเผยแพร่แถลงการณ์ของอยาโตเลาะห์ อาลี คาเมนาอี ผู้นำสูงสุด กรณีการเสียชีวิตของ พล.ต.คาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน ที่เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของกองทัพสหรัฐอเมริกาในอิรักว่า ตลอดชีวิตของ พล.ต.โซเลมานี เดินตามแนวทางของพระเจ้า แม้ว่าเขาจะจากไปแล้ว แต่ผลงานและเส้นทางของเขาจะไม่ยุติหรือถูกปิดกั้น แต่อาชญากรที่มือเปื้อนเลือดจะต้องเผชิญกับการแก้แค้น
พล.ต.โซเลมานี เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ภายใต้คำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ หลังเดินทางถึงสนามบินกรุงแบกแดดของอิรัก และกำลังเดินทางออกไปด้วยขบวนรถยนต์ นับเป็นความสูญเสียที่สร้างความโกรธแค้นให้กับอิหร่าน เนื่องจาก พล.ต.โซเลมานี วัย 62 ปี เป็นกำลังสำคัญในปฏิบัติการทางทหารของอิหร่านในตะวันออกกลาง และได้รับการมองว่าเป็นบุคคล ที่มีอำนาจสูงสุดอันดับ 2 ของอิหร่าน รองจากอยาโตเลาะห์ อาลี คาเมนาอี
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน กล่าวว่า การสังหารนายพลของอิหร่านในครั้งนี้ว่าเป็นการก่อการร้ายโดยรัฐ
ขณะที่ชาวอิหร่านหลายหมื่นคน เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงทั้งในกรุงเตหะรานและอีกหลายเมืองทั่วโลก เพื่อประณามสหรัฐฯ เป็นอาชญากร
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า ปฏิบัติการของสหรัฐฯ มีขึ้นเพื่อหยุดยั้ง ไม่ใช่เริ่มต้นสงคราม พร้อมทั้งระบุถึงความสำเร็จในการปลิดชีพ พล.ต.โซเลมานี ซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายอันดับ 1 ที่มีแผนจะโจมตีนักการทูตสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุว่า ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในอิหร่าน แต่การที่อิหร่านใช้ยุทธศาสตร์นักรบตัวแทนทำลายความมั่นคงของชาติเพื่อนบ้าน เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ และจะต้องยุติในทันที
มีรายงานว่าหลังการปลิดชีพ พล.ต.โซเลมานี สหรัฐฯ ได้ส่งทหารเข้าไปเสริมกำลังในภูมิภาคตะวันออกกลางอีก 3,000 นาย เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมป้องกัน