วันนี้ (8 ม.ค.2563) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เข้าพบ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อให้ข้อมูลในคดีถูกลอบยิงรถยนต์ส่วนตัวเมื่อคืนวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่า ส่วนตัวอยากกลับมาเป็นตำรวจ แต่คงไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องหรือสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองเด่นดัง เพราะตั้งแต่พ้นจากตำรวจก็เก็บตัวเงียบมาตลอดไม่เคยออกมาโวยวายหรือร้องขอต่อสื่อมวลชน
ส่วนตัวยังคงเชื่อมั่นว่า สาเหตุที่ถูกลอบยิงรถยนต์มาจากการที่ตัวเองเตรียมเข้าเป็นพยาน กรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างซื้อไบโอเมตทริกซ์ ซึ่งส่วนตัวมองว่า โครงการนี้มีมูลค่าสูงถึง 2,000 ล้านบาท และผ่านการพิจารณาเรื่องจากอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมามากถึง 3 คน ดังนั้น การที่ตัวเองตัดสินใจยกเลิกโครงการนี้ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถือเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่จะได้รับ โดยวันนี้ยังนำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว มามอบให้กับพนักงานสอบสวนรวบรวมไว้ในสำนวนคดี
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ยังเชื่อมั่นว่า คดีนี้น่าจะจับตัวผู้ก่อเหตุได้ไม่ยากเนื่องจากมีกล้องวงจรปิดจำนวนมาก และส่วนตัวทราบผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง โดยเป็นผู้มีอำนาจ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ ผบ.ตร.ช่วยจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจวาระประจำปีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมายืนยันว่า มีการแต่งตั้งคนดีเข้ามาทำงาน ซึ่งหากจับผู้ก่อเหตุไม่ได้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องรับผิดชอบ