วันนี้ (14 ก.พ.2563) จากกรณีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในมาตรา 6 โดยมีจำนวนผู้ลงคะแนน ไม่ถึงครึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกังวลว่า อาจนำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายนั้น
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้รับรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ในการลงมติมีองค์ประชุมครบ แต่ตอนลงคะแนนในมาตรา 6 ปิดการลงคะแนนเร็วไป ซึ่งเมื่อองค์ประชุมในการแสดงตนครบ ตามที่กฎหมายกำหนดก็สามารถเดินหน้าลงมติได้
ส่วน ส.ส.จะลงคะแนนหรือไม่นั้นเป็นสิทธิ จากกรณีเมื่อวานนี้ เป็นข้อกังวลว่าจะมีการยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความ และกระทบต่อการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง จึงมีการลงมติใหม่ตั้งแต่มาตรา 1
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังอ้างอิงถึงกรณีการยื่นต่อศาลฎีกาตัดสินในอดีต เรื่องการนับองค์ประชุม เนื่องจากเหตุเกิดกรณีสมาชิกลงชื่อเข้าประชุมแต่ไม่ได้ร่วมประชุม คำตัดสินของศาลฎีกา ชี้ว่าองค์ประชุมครบเพราะมาลงชื่อครบ แต่ก็มีการบังคับให้มีการเปลี่ยนแปลงโดยต้องแสดงตอนก่อนลงมติ ทำให้การลงคะแนนมติในเรื่องใดของสภาฯมี 2 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือการแสดงตนเพื่อนับองค์ประชุม ส่วนการลงมตินั้นทางกฏหมายบังคับถือเสียงข้างมาก
การแสดงตนก่อนการลงมติมาจากเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งการพิพากษาของศาลฎีกาก็อยู่กับข้อเท็จจริง หากเป็นปัจจุบันคำตัดสินอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เพราะแต่เดิมไม่มีการนับองค์แสดงตน ปัจจุบันมีองค์ประชุมครบก็ถือว่าครบ
อย่างไรก็ตามนายชวนไม่วิพากษ์วิจารณ์ ปัญหาเครื่องเสียบบัตรลงคะแนนที่มีปัญหา โดยบอกว่า ตนไม่มีความรู้พอ แต่ได้เตือนสมาชิกให้กดบัตรให้ถูกต้อง พร้อมกับเชื่อว่า หากได้ใช้ห้องประชุมใหม่ของ ส.ส.ทุกคนจะมีที่นั่งจะไม่เกิดปัญหานี้ โดยยอมรับว่ามีความกังวลในเรื่องของสมาชิกที่จะต้องมาประชุม แม้ว่ารัฐบาลมีเสียงข้างมากแต่ก็ไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งทุกคนต้องรับผิดชอบโดยอยู่ในที่ประชุม