วันนี้(20 ก.พ.63) กองทัพอากาศเปิดพื้นที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ สัมมนาทางวิชาการ Royal Thai Air Force Symposium 2020 เป็นครั้งแรกภายใต้แนวคิดการพัฒนากองทัพอากาศอย่างชาญฉลาดและยั่งยืน โดยมีข้าราชการในกองทัพอากาศ เหล่าทัพ ภาครัฐ ภาคการศึกษา ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ และผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเข้าร่วมสัมมนา
พลเอกณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างพิธีเปิดสัมมนาว่า ขอชื่นชมกองทัพอากาศที่จะจัดกิจกรรม เพราะถือเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่ออนาคตประเทศ ซึ่งผู้บัญชาการทหารอากาศ ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนากองทัพอากาศ ให้มีความก้าวหน้าทันสมัย พร้อมเผชิญภัยคุกคามได้ทุกรูปแบบ สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง
โดยยอมรับว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันจะต้องมีการบริหารเขี้ยวเล็บของกองทัพให้มีประสิทธิภาพ เพราะอาวุธยุทโธปกรณ์มีราคาแพง และงบประมาณมีจำกัด จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภายในและต่างประเทศในการร่วมทุน เพื่อพัฒนาด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ รองรับนโยบายของรัฐบาลในเรื่องของการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งปัจจุบันเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายลำดับที่ 11 และมีกฎหมายมารองรับแล้ว โดยกระทรวงกลาโหมได้ผลักดันและเตรียมการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ล่าสุดอยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่ และสำรวจพื้นที่จัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เช่นที่จังหวัดระยองและกาญจนบุรี และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมศรีสมาน ยังได้จัดตั้งเป็นศูนย์บูรณาการข้อมูล อาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและพึ่งพาตนเองได้ต่อไป
สำหรับการสัมมนาวิชาการในครั้งนี้ พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังได้ประกาศถึงการจัดทำสมุดปกขาว หรือ RTAF White Paper ของกองทัพอากาศ โดยระบุทิศทางการพัฒนา พร้อมแผนงานโครงการในมิติทางอากาศ มิติไซเบอร์ และมิติอวกาศ พร้อมทั้งเน้นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่เป็นหลักประกันด้านความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ทุกมิติ ในการพัฒนากองทัพอากาศ เพื่อเป็นแนวทางในการระดมสรรพกำลังของชาติ เพื่อการพัฒนากองทัพอากาศตั้งแต่ฐานราก เช่น การเปิดหลักสูตรระดับปริญญาโทด้านเทคโนโลยีวิจัยป้องกันประเทศ ที่โรงเรียนนายเรือกองทัพอากาศเป็นปีแรก โดยนำร่องให้ทุนการศึกษา 20 ทุน และจะต่อยอดผลงานวิจัยไปสู่การปฏิบัติ ไม่ใช่นำไปขึ้นหิ้งอย่างแน่นอน
ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวย้ำ ว่า การจัดเสวนาของกองทัพอากาศครั้งนี้ สอดคล้องกับกิจกรรมครบรอบ100ปีการทิวงคตบิดาของกองทัพอากาศ และเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งในการระดมปัญญาของทุกภาคส่วน โดยเชื่อมั่นว่ากองทัพอากาศจะมีความก้าวหน้าได้ด้วยการมีเทคโนโลยีเป็นฐานราก จึงต้องให้ความสำคัญกับการระดมความคิด เพื่อหาข้อสรุปและกำหนดทิศทางของกองทัพอากาศไปสู่อนาคต โดยมีเป้าหมายพึ่งพาตนเอง
ซึ่งการจัดสัมมนาวิชาการจะเป็นการจุดประกายให้กับการก้าวเดินก้าวแรกสู่อนาคตของกองทัพอากาศ โดยต้องอาศัยการระดมสมองและสติปัญหาจากหลายหน่วยงาน รวมทั้งภาคเอกชนที่มีศักยภาพ เพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ซึ่งถือว่า เป็นการสร้างบริบทใหม่ในการทำให้ทุกภาคส่วน รวมไปถึง การเป็นแหล่งข้อมูลให้กับประชาชนได้มีส่วนร่วมกับการพัฒนากองทัพอากาศ