วันนี้ (12 มี.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังจากเมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ปรับลดลงกว่า 1,400 จุด และเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นอื่น ประกอบกับองค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นการระบาดใหญ่ระดับโลก หลังตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อนอกจีนยังเพิ่มไม่หยุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศ ดำเนินมาตรการเชิงรุกและเร่งด่วนในการต่อสู้ไวรัส
ทั้งนี้ หลังจากเปิดภาคบ่ายได้ประมาณ 8 นาที ดัชนีปรับลดลงรุนแรง 125.05 จุด หรือปรับลดลง 10% มาอยู่ที่ระดับ 1,124.84 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 61,326.06 ล้านบาท ซึ่งตามเกณฑ์จาก กลต. การใช้มาตรการพักการซื้อขายหุ้นชั่วคราว หรือ เซอร์กิต เบรกเกอร์ ครั้งแรก เมื่อดัชนีปรับตัวลดลง 10% คำนวณจากดัชนีปิดวันก่อน (11 มี.ค.) ณ 1249.89 จุด ซึ่งเข้าเกณฑ์ดังกล่าวพอดี จึงพักการซื้อขายชั่วคราว 30 นาที และจะเปิดซื้อขายอีกครั้งในเวลา 15.08 น.
ก่อนหน้านี้ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงมาตรการพักการซื้อขายหุ้นชั่วคราว หากดัชนีปรับขึ้นหรือลงถึง 10% ว่า ระดับ 10% ยังมีความเหมาะสม โดยที่ผ่านมาได้มีการศึกษาว่าหากเป็นระดับ 7% หรือ 15% จะเป็นอย่างไร ซึ่งการตั้งระดับ เซอร์กิต เบรกเกอร์ ไว้ที่ 10% เพราะไม่อยากจะให้ถึงระดับการหยุดการซื้อขายเร็วเกินไป เพราะมองว่าไม่ได้เกิดประโยชน์
ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับราชการ และผู้เกี่ยวข้องในการหามาตรการมาช่วยตลาดทุนเพิ่มเติม หากได้ความชัดเจนอย่างไรจะมีการรายงานให้รับทราบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจหยิบยกมาตรการต่างๆ ที่เคยดำเนินการมาในอดีตมาพิจารณาด้วย เช่น กองทุนพยุงหุ้น