วันนี้ (19 เม.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการระบาดของ COVID-19 โดยที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ประท้วงหลายร้อยคนชุมนุมกันในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เรียกร้องให้ทางการท้องถิ่นยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการระบาด โดยมีกลุ่มที่ให้การสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ เป็นผู้จัดการชุมนุม ซึ่งนับเป็นการชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในสหรัฐฯ
การชุมนุมประท้วงในเมืองออสตินมีขึ้นแม้ว่านายเกรก แอบบอท ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เปิดเผยว่าจะเริ่มยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ ในมาตรการควบคุมโรคในสัปดาห์หน้า รวมทั้งการเปิดสวนสาธารณะและอนุญาตให้แพทย์เริ่มผ่าตัดในเคสที่ไม่เร่งด่วนได้ นอกจากนี้ยังจะยกเลิกข้อจำกัดอื่นๆ เพิ่มเติมในวันที่ 27 เม.ย.นี้
ส่วนที่เมืองอินเดียแนโพลิส รัฐอินดีแอนา ผู้ประท้วงหลายสิบคนมาชุมนุมกันหน้าที่ทำการผู้ว่าการรัฐ เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ หลังนายอีริค โฮลโคม ผู้ว่าการรัฐ ประกาศขยายการบังคับใช้คำสั่งให้คนอยู่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อออกไปจนถึงวันที่ 1 พ.ค.นี้
ขณะที่ประเทศบราซิล ผู้สนับสนุนประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู พากันขับรถยนต์ส่วนตัวและรถบรรทุกไปตามท้องถนนของนครรีโอเดอจาเนโร และไปรวมกันบนถนนทางตอนใต้ของเมือง พร้อมกับตะโกนคำขวัญต่อต้านนายวิลสัน วิทเซิล ผู้ว่าการรัฐรีโอเดอจาเนโร โดยผู้ประท้วงต้องการให้ผ่อนคลายข้อจำกัดมาตรการควบคุมโรคและสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีโบลโซนารู ที่ให้เฉพาะคนชราและกลุ่มเสี่ยงอยู่ที่บ้าน
นอกจากนี้ยังมีการประท้วงในลักษณะเดียวกันในนครเซาเปาโล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อคนแรก และยังเป็นพื้นที่แรกของบราซิลที่ดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มงวด โดยผู้ประท้วงยังแสดงความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจากผลกระทบของ COVID-19
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความวิตกถึงสถานการณ์การระบาดในภูมิภาคแอฟริกา หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงถึงร้อยละ 51 ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 60 โดยนายเทดรอส อะดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในแอฟริกาจะพุ่งสูงขึ้นอีก เนื่องจากระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอและขาดแคลนอุปกรณ์การตรวจหาเชื้อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ทรัมป์" หนุนผู้ประท้วงต่อต้านมาตรการสกัด COVID-19
"สเปน" จ่อขยายล็อกดาวน์อีก 15 วัน แต่ผ่อนคลายบางข้อจำกัด
ทั่วโลกติดเชื้อ COVID-19 แตะ 2 ล้านคน