วันนี้ (20 พ.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้าแห่งหนึ่งใน ต.นครชุม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ต้องใช้น้ำยากำจัดแมลงทาลงบนตัวม้าและกางมุ้งให้กับม้าทุกตัวที่เลี้ยงไว้ เพื่อป้องกันแมลงกินเลือด ซึ่งเป็นพาหะของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้ากัด ตามมาตรการควบคุมโรคที่กรมปศุสัตว์กำหนดไว้ แม้จะยังไม่พบการระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าระบาดใน จ.ราชบุรี
ม้าที่เลี้ยงไว้ในฟาร์มแห่งนี้มีไว้สำหรับใช้ในการแสดง และร่วมขบวนแห่นาค แต่เมื่อพบการระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าระบาดในหลายจังหวัด มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ ทำให้เจ้าของฟาร์มขาดรายได้ ซ้ำเติมความเดือดร้อน เพราะ 2-3 เดือนมานี้แทบจะไม่มีงานจ้างม้าแสดง หรือร่วมขบวนแห่นาคอยู่แล้ว เพราะมีการงดจัดงานทุกประเภทจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
เจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้า เปิดเผยว่า ตั้งแต่มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของกาฬโรคแอฟริกาในม้า เป็นการเพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายให้กับผู้เลี้ยง ที่สำคัญคือเกิดความกังวลว่าม้าที่เลี้ยงไว้มานานอาจล้มตาย เพราะโรคระบาด จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์เร่งสอบสวนโรค เพื่อเอาผิดผู้ที่เป็นต้นเหตุให้โรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าเข้ามาในประเทศไทย
สำหรับข้อเรียกร้องนี้สอดคล้องกับเจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้าหลายคนใน จ.สระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบม้าตาย เพราะติดเชื้อกาฬโรคแอฟริกาในม้าแล้ว 30 ตัว ที่ต้องการให้กรมปศุสัตว์เอาผิดกับผู้ที่เป็นต้นตอ ทำให้เกิดการระบาดของโรคนี้ในไทย
ทั้งนี้ ในวงการผู้เลี้ยงม้าทราบข้อมูลว่าก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรคกาฬโรคแอฟริกาในม้าขึ้นในหลายจังหวัดของไทย มีเจ้าของสวนสัตว์แห่งหนึ่งมีการนำเข้าม้ามาจากต่างประเทศ โดยไม่ผ่านกระบวนการกักกันโรค ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงต้องการให้มีการเอาผิดสถานหนัก เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้เลี้ยงม้าทั่วประเทศ