วันนี้ (6 มิ.ย.2563) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมหลังน้ำมันดีเซล 20,000 ตัน รั่วไหลจากถังเก็บเชื้อเพลิงของโรงงานไฟฟ้าลงสู่แม่น้ำที่เมืองนอริลสก์ ภูมิภาคไซบีเรีย ใกล้เขตอาร์กติก ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา
ภาพ : AFP PHOTO /EUROPEAN SPACE AGENCY
ประธานาธิบดีรัสเซียแสดงความไม่พอใจหลังตรวจสอบพบว่า โรงงานไฟฟ้าของบริษัทในเครือ นอริลสก์ นิกเกิล (Norilsk Nickel) ซึ่งเป็นผู้ผลิตนิกเกิลและแพลเลเดียมรายใหญ่ของโลกรายงานปัญหาดังกล่าวล่าช้าไป 2 วัน ส่งผลให้ผู้อำนวยการโรงงานไฟฟ้าถูกควบคุมตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสืบสวนความผิดด้านมลพิษและความประมาทแล้ว
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า น้ำมันที่รั่วไหลออกมาลอยไปไกลถึง 12 กิโลเมตร ส่งผลให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงเข้ม การรั่วไหลของสารปนเปื้อนขยายเป็นวงกว้างพื้นที่ประมาณ 350 ตารางกิโลเมตร การประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นการกระตุ้นและเร่งแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการทำความสะอาดและหยุดการขยายวงกว้างของสารปนเปือนโดยมีกองกำลังพิเศษลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือ
ภาพ : AFP PHOTO / MARINE RESCUE SERVICE OF RUSSIA
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่าอุบัติเหตุน้ำมันรั่วไหลในครั้งนี้รุนแรงเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์รัสเซีย โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและสภาพทางภูมิศาสตร์ของแม่น้ำที่ยากต่อการทำความสะอาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
ขณะที่อดีตรองหัวหน้าฝ่ายดูแลสิ่งแวดล้อมของรัสเซีย ระบุว่า เหตุสารปนเปื้อนรั่วไหลลงในแม่น้ำใกล้เขตอาร์กติกแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการจัดการน้ำมันที่รั่วไหลในครั้งนี้อาจสูงถึง 100 พันล้านรูเบิล หรือราว 4.5 หมื่นล้านบาท และต้องใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี