ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"รัสเซีย" ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังน้ำมันดีเซลรั่วไหล 20,000 ตัน

ต่างประเทศ
6 มิ.ย. 63
08:09
10,464
Logo Thai PBS
"รัสเซีย" ประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังน้ำมันดีเซลรั่วไหล 20,000 ตัน
ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมหลังน้ำมันดีเซล 20,000 ตัน รั่วไหลจากถังเก็บเชื้อเพลิงของโรงงานไฟฟ้าลงแม่น้ำใกล้เขตอาร์กติก พร้อมควบคุมตัวผู้อำนวยการโรงงานไฟฟ้าเพื่อดำเนินการสอบสวนสาเหตุแล้ว

วันนี้ (6 มิ.ย.2563) สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมหลังน้ำมันดีเซล 20,000 ตัน รั่วไหลจากถังเก็บเชื้อเพลิงของโรงงานไฟฟ้าลงสู่แม่น้ำที่เมืองนอริลสก์ ภูมิภาคไซบีเรีย ใกล้เขตอาร์กติก ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา 

ภาพ : AFP PHOTO /EUROPEAN SPACE AGENCY

ภาพ : AFP PHOTO /EUROPEAN SPACE AGENCY

ภาพ : AFP PHOTO /EUROPEAN SPACE AGENCY


ประธานาธิบดีรัสเซียแสดงความไม่พอใจหลังตรวจสอบพบว่า โรงงานไฟฟ้าของบริษัทในเครือ นอริลสก์ นิกเกิล (Norilsk Nickel) ซึ่งเป็นผู้ผลิตนิกเกิลและแพลเลเดียมรายใหญ่ของโลกรายงานปัญหาดังกล่าวล่าช้าไป 2 วัน ส่งผลให้ผู้อำนวยการโรงงานไฟฟ้าถูกควบคุมตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เริ่มดำเนินการสืบสวนความผิดด้านมลพิษและความประมาทแล้ว

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า น้ำมันที่รั่วไหลออกมาลอยไปไกลถึง 12 กิโลเมตร ส่งผลให้แม่น้ำกลายเป็นสีแดงเข้ม การรั่วไหลของสารปนเปื้อนขยายเป็นวงกว้างพื้นที่ประมาณ 350 ตารางกิโลเมตร การประกาศภาวะฉุกเฉินเป็นการกระตุ้นและเร่งแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการทำความสะอาดและหยุดการขยายวงกว้างของสารปนเปือนโดยมีกองกำลังพิเศษลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือ 

ภาพ : AFP PHOTO / MARINE RESCUE SERVICE OF RUSSIA

ภาพ : AFP PHOTO / MARINE RESCUE SERVICE OF RUSSIA

ภาพ : AFP PHOTO / MARINE RESCUE SERVICE OF RUSSIA


ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่าอุบัติเหตุน้ำมันรั่วไหลในครั้งนี้รุนแรงเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์รัสเซีย โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมและสภาพทางภูมิศาสตร์ของแม่น้ำที่ยากต่อการทำความสะอาดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ 

ขณะที่อดีตรองหัวหน้าฝ่ายดูแลสิ่งแวดล้อมของรัสเซีย ระบุว่า เหตุสารปนเปื้อนรั่วไหลลงในแม่น้ำใกล้เขตอาร์กติกแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายในการจัดการน้ำมันที่รั่วไหลในครั้งนี้อาจสูงถึง 100 พันล้านรูเบิล หรือราว 4.5 หมื่นล้านบาท และต้องใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง