วันนี้ (7 ส.ค.2563) นายปิติ ภิรมย์ภักดี นายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2563 ที่ห้องประชุม 217 สนามราชมังคลากีฬาสถาน การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก มีสโมสรสมาชิก เข้าร่วม 51 ชมรม
ที่ประชุมแจ้งผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งการจัดการแข่งขันคัดเลือกนักกีฬาทีมชาติไทยและรายการชิงแชมป์ประเทศไทย เพื่อส่งเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ
ทั้งในส่วนของกีฬาเอ็กซ์ตรีมทางบก ได้แก่ สเก็ตบอร์ดและจักรยานผาดโผน, อินไลน์ ฟรีสไตล์, สเก็ตบอร์ด ดาวน์ฮิลล์, อินไลน์ สปีดสเก็ต และกีฬาเอ็กซ์ตรีมทางน้ำ ได้แก่ เวคบอร์ดและเวคสเก็ต
รวมทั้งการแข่งขันระดับนานาชาติ ทั้งซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งไทยคว้ามาได้ 3 เหรียญทอง 5 เหรียยเงิน 3 เหรียญทอง และรายการระดับเอเชียและระดับโลก ในประเภทต่างๆ ของกีฬาเอ็กซ์ตรีม
นายปิติแจ้งต่อที่ประชุมว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่มีแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปีนี้ ก็เช่นเดียวกัน จนต้องเลื่อนการแข่งขันไปเป็นระหว่างวันที่ 23 ก.ค.-8 ส.ค.ในปีหน้าแทน
ขณะที่การแข่งขันรอบคัดเลือกโตเกียวเกมส์ 2020 นั้น ทางสหพันธ์สเก็ตโลก จะแจ้งความชัดเจนเรื่องของโปรแกรมการแข่งขันให้ชาติสมาชิกรับทราบอีกครั้งในวันที่ 12 ส.ค.นี้
นายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมไทย กล่าวต่อถึงแผนงานในปี 2563-2564 ว่าในปีหน้าจะเป็นปีทองของกีฬาเอ็กซ์ตรีมอีกครั้ง เนื่องจากจะมีการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชียลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ซึ่งประเทศไทย มีกรุงเทพฯ และชลบุรี จะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 21-30 พ.ค.2564
ซึ่งเอ็กซ์ตรีม เป็น 1 ใน 29 ชนิดกีฬา ที่ถูกบรรจุแข่งขัน มีการชิงชัยทั้งหมด 16 เหรียญทอง ดังนั้น สมาคมฯ ต้องเร่งวางแผนเตรียมทีมนักกีฬากันตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากเป็นโอกาสดีที่เราจะทำผลงานคว้าเหรียญทองให้ได้
ส่วนกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 21 พ.ย.-2 ธ.ค.2564 ตอนนี้เจ้าภาพยังไม่มีการบรรจุกีฬาเอ็กซ์ตรีม แต่ยังเปิดโอกาสให้ชาติสมาชิกเสนอชนิดกีฬาเพิ่มเข้าไปได้
ซึ่งสมาคมฯ เตรียมประสานกับทางคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เพื่อให้ทางมนตรีซีเกมส์ของไทย ช่วยผลักดันให้เวียดนาม บรรจุเข้าในศึกซีเกมส์ 2021 ให้ได้เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนานักกีฬาในภูมิภาคอาเซียน ให้เทียบเคียงกับนานาชาติ
เนื่องจากปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่ไทยเท่านั้นที่มีความสามารถ แต่นักกีฬาเวียดนามเอง รวมทั้งชาติอื่นๆ ทั้ง มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ก็พัฒนาขึ้นมาเทียบเคียงกันแล้ว เชื่อว่าหากไทยซึ่งเป็นหัวหอกในการผลักดัน ชาติสมาชิกอีกไม่น้อยกว่า 5 ประเทศ ก็พร้อมสนับสนุนเราอย่างแน่นอน
ส่วนโอลิมปิกเกมส์ 2020 นั้น ก่อนที่จะมีการระบาดของไวรัส COVID-19 เรามีนักกีฬา 2 คน ที่ทำผลงานติดท็อป 20 ของโลก คือ อรพันธ์ ทองคง อันดับ 19 ในประเภทสเก็ตบอร์ด สตรีท หญิง กับ โสธิชัย รักษ์สำรวจ อันดับ 20 ในประเภทสเก็ตบอร์ด สตรีท ชาย ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะคว้าโควตาไปลุยศึกโอลิมปิกเกมส์ ได้ทั้งคู่
อีกไม่กี่วันนี้สหพันธ์สเก็ตโลก จะประกาศโปรแกรมการแข่งขันรอบคัดเลือก โอลิมปิกเกมส์ อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น สมาคมฯ ก็จะต้องเตรียมทีมนักกีฬาให้ดีที่สุด ผมเชื่อว่าหากน้องๆ ทั้ง 2 คน ยังรักษาผลงานได้ดีเหมือนเดิม เราจะคว้าตั๋วไปโตเกียวเกมส์ ในปีหน้าได้ 2 ที่นั่ง แน่นอน