วันนี้ (21 ส.ค.2563) นายณัฐศักดิ์ ชัยชนะ ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส) เข้ายื่นหนังสือกับนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีนายกิตติกร ตันเปาว์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ รฟม. และรักษาการรองผู้ว่าการ รฟม. (วิศวกรรมและก่อสร้าง) เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36
นายณัฐศักดิ์ กล่าวว่า การเข้ายื่นหนังสือในวันนี้ เนื่องจากทราบว่าข่าวว่ามีผู้ซื้อซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มบางรายได้ทำหนังสือขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขประมูลทางบีทีเอสซึ่งเป็นผู้ซื้อซองประมูลด้วยเช่นกัน จึงไม่เห็นด้วยที่จะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการประมูลจึงได้มายื่นหนังสือเพื่อแสดงจุดยืน
ส่วนการประชุมในวันนี้หากคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 มีมติการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหลักเกณฑ์การประมูลจะดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่นั้น
นายณัฐศักดิ์ กล่าวว่า คงต้องกลับมาพิจารณาว่าจะดำเนินการใดต่อไป เพราะมีผู้ซื้อซองหลายรายในโครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มหลายอื่นด้วยว่าจะมีมาตรการอย่างไร และสามารถดำเนินการใดได้บ้าง
เคาะปรับเกณฑ์สายสีส้ม
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ได้มีมติปรับหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี ให้พิจารณาข้อเสนอทางด้านเทคนิคควบคู่กับด้านราคา
หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะให้ประโยชน์กับรัฐได้อย่างสูงสุด และมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ ข้อเสนอทางด้านเทคนิคจึงมีความจำเป็น เพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มมีช่วงลอดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา
การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ดังกล่าวสามารถดำเนินการได้เพราะตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ไม่ได้กำหนดห้ามดำเนินการและไม่ขัดต่อระเบียดจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ หากตรวจสอบเนื้อหากฎหมายได้กำหนดให้พิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงไว้ด้วย และ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ยังสงวนสิทธิ์ให้คณะกรรมการคัดเลือกสามารถพิจารณาเรื่องของการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารประกวดราคาได้
ขณะที่ ในสัปดาห์หน้าจะมีการออกเอกสารประกวดราคาเพิ่มเติม จากการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ดังกล่างให้กับผู้ซื้อซองทุกราย และขยายระยะเวบาการยื่นข้อเสนอออกไปอีก 45 วัน จากเดิมที่ต้องยื่นซองข้อเสนอภายใน 23 ก.ย.นี้ ไปจนถึงวันที่ 6 พ.ย. เพื่อให้ผู้ซื้อเอกสารประกวดราคาได้เตรียมตัว
นายภคพงศ์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวมีความโปร่งใสและเป็นประโยชน์กับรัฐมากสุด อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงข้อเสนอก็ไม่ได้ทำให้รายใดรายหนึ่งเสียเปรียบ เพราะเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอจะยึดการให้คะแนนซองข้อเสนอเทคนิคสัดส่วนร้อยละ 30 และซองข้อเสนอราคาร้อยละ 70 หากคะแนนทางเทคนิคไม่ต่างกันมาก คะแนนข้อเสนอราคาก็จะมีน้ำหนัก เช่น คะแนนเทคนิกรายแรกได้ 86 คะแนน รายสองได้ 99 คะแนน หากรายแรกเสนอข้อเสนอทางการเงินสูงก็มีโอกาสชนะรายที่สองเช่นกัน แตกต่างจากเดิมที่ซองข้อเสนอเทคนิคไม่ได้ถูกนำขึ้นมาพิจารณา แค่ผ่านเกณฑ์แล้วถูกปัดตกมาพิจารณาข้อเสนอราคาอย่างเดียว ต่อไปนี้การประมูลทุกโครงการของ รฟม. จะยึดหลักเกณฑ์นี้มาใข้ในการประมูลโครงการรถไฟฟ้าทุกสายทั้งหมด
การปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากอิตาเลียนไทยยื่นหนังสือขอปรับหลักเกณฑ์ แต่เป็นแนวคิดที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่หลักเกณฑ์เดิมที่ประกาศให้ซื้อซองประกวดราคาเกิดขึ้นก่อน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้
ส่วนกรณีที่ผู้ซื้อไม่เห็นด้วยและยื่นคัดค้านให้ใช้หลักเกณฑ์เดิมหากจะไปฟ้องศาลก็สามารถทำได้ เพราะเป็นสิทธิ์จะใช้อำนาจตามศาล แต่ รฟม. ยืนยันว่าหลักเกณฑ์ที่ทำใหม่ไม่ได้ทำให้รายใดเกิดข้อได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะได้ขยายระยะเวลาในการยื่นข้อเสนอหลักเกณฑ์ใหม่ออกไปอีก 45 วัน
"สุรพงษ์" ค้านไม่โปร่งใส
ขณะที่นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการปรับทีโออาร์จึงยื่นหนังสือคัดค้าน ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ อาจจะต้องหารือผู้เชี่ยวชาญหรือมีความรู้ด้านกฎหมายระเบียบก่อน
สาเหตุของการคัดค้านเพราะทีโออาร์ออกมาแล้ว ที่ผ่านมาทุกโครงการผู้ที่เสนอราคาหรือผลประโยชน์ให้รัฐดีที่สุดเป็นผู้ชนะ แต่เขาไปขอให้เปลี่ยนเป็นคนที่เสนอราคาดีที่สุดจะยังไม่ใช่ผู้ชนะ จะต้องนำเอาคะแนนด้านเทคนิคมาประกอบด้วยซึ่งมันไม่เคยมี
แม้ข้อเสนอราคาจะดีที่สุด และเทคนิคทีดีก็อาจจะเป็นผู้ชนะ แต่รายละเอียดเทคนิคจะให้คะแนนอย่างไร ก่อให้เกิดความไม่โปร่งใสและไม่เป็นธรรมได้ แม้ชนะแต่ก็อาจจะโดนร้องเรียนได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คมนาคมเล็งเลื่อนเปิดประมูลสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์
รฟม.แจ้งเบี่ยงจราจรก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม