วันนี้ (19 ธ.ค.2563) เฟซบุ๊กเพจ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ เผยแพร่ข้อความ ระบุว่า “วันเหมายัน” (Winter Solstice) วันที่เวลากลางคืนยาวที่สุดในรอบปี ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด สำหรับประเทศไทย ในวันดังกล่าวดวงอาทิตย์ขึ้น 06.36 น. และตกเวลาประมาณ 17.55 น. ส่งผลให้ช่วงเวลากลางวันสั้นที่สุดและกลางคืนยาวที่สุดในรอบปี ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ หรือที่คนไทยเรียกว่า “ตะวันอ้อมข้าว” เวลาช่วงกลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาที โดยประเทศทางซีกโลกเหนือจะนับเป็นวันที่เข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้จะเป็นช่วงเวลากลางวันจะยาวที่สุดในรอบปี นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
สำหรับกลางวันและกลางคืน เกิดจากโลกหมุนรอบตัวเอง ในขณะเดียวกันโลกก็โคจรรอบดวงอาทิตย์ แกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา กับแกนตั้งฉากระนาบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้บริเวณต่าง ๆ ของโลกในแต่ละช่วงของปีได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน และเกิดเป็นฤดูกาล
ในระยะเวลา 1 ปี โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะเกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการ ขึ้น - ตก ของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ วันครีษมายัน - กลางวันยาวนานที่สุด วันเหมายัน - กลางคืนยาวนานที่สุด วันวสันตวิษุวัตและวันศารทวิษุวัต - กลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ ยังมีปรากฏการณ์ดาราศาสตร์สำคัญที่น่าติดตามในช่วงหัวค่ำวันดังกล่าวอีกด้วย คือ ปรากฏการณ์ ดาวพฤหัสบดีเคียงดาวเสาร์ ใกล้ที่สุดในรอบ 397 ปี หรือเรียกว่า “The Great Conjunction 2020” ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ปรากฏใกล้กันที่สุดห่างเพียง 0.1 องศา สังเกตเห็นได้หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าถึงเวลาประมาณ 19.30 น. เท่านั้น
ดูด้วยตาเปล่าจะเห็นเสมือนเป็นจุดสว่างเพียงจุดเดียว และหากมองผ่านกล้องโทรทรรศน์กำลังขยายไม่เกิน 200 เท่า จะเห็นดาวเคราะห์ทั้งสองพร้อมดวงจันทร์บริวารอยู่ในช่องมองภาพเดียวกัน