วันนี้ (31 ธ.ค.2563) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหม่ของ COVID-19 ในประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงประชาชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เสียสละดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงที่สุด จึงขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ดูแลป้องกันตนเองด้วยความไม่ประมาท
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด ทั้งเป็นการติดเชื้อจากบุคคลสู่บุคคลจากการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่เสี่ยง จึงเกิดการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน ซึ่งมีสาเหตุจากการร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่นงานเลี้ยงสังสรรค์ การประชุมฯลฯ หรือกิจกรรมที่ลักลอบดำเนินการ เช่น การพนัน การมั่วสุม เป็นต้น ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ในแต่ละจังหวัด ซึ่งมีมาตรการออกมาอย่างเหมาะสมสำหรับพื้นที่นั้นๆ
แนะเลี่ยงกิจกรรมรวมคน - เดินทางข้ามจังหวัด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่มีการรวมคนและการเดินทางข้ามจังหวัด และขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้าเสมอ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ ให้ความร่วมมือในการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายตามสถานที่ต่างๆ ติดตั้งแอปพลิเคชัน "หมอชนะ" และสแกน "ไทยชนะ" เวลาเช็กอินและเช็กเอ้าท์สถานที่ต่างๆ และหากมีอาการที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าปล่อยให้อาการรุนแรง
ในเรื่องการจัดหาวัคซีน COVID-19 ให้กับคนไทย นายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้กระทรวงสาธารณสุขจัดหาวัคซีนในทุกช่องทาง เพื่อให้ประชาชนไทยเข้าถึงวัคซีนได้รวดเร็วที่สุด โดยกำหนดการจัดหาวัคซีนเพื่อให้ครอบคลุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของประชาชนไทยในปี 2564 นี้ ซึ่งมีการดำเนินการในหลายแนวทาง แม้ว่าประเทศไทยจะได้จองซื้อวัคซีนของแอสตราเซเนกา จำนวน 26 ล้านโดส ไปแล้ว แต่การจองซื้อวัคซีนนี้เป็นเพียงข้อตกลงชุดแรก
มอบ ก.สาธารณสุข เจรจาผู้ผลิตวัคซีนรายอื่น
ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเจาะจงว่าจะทำความร่วมมือเฉพาะกับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นอีกหลายบริษัท และมีการกำหนดแผนการใช้วัคซีน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการฟื้นฟูประเทศจากสถานการณ์การระบาดนี้โดยเร็ว
นายอนุชา กล่าวอีกว่า แม้ว่าประเทศจะสามารถนำวัคซีนมาให้บริการกับประชาชนอย่างครอบคลุม แต่การดูแลสุขอนามัยส่วนตัว ยังเป็นมาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนกว่าทั่วโลกจะเข้าสู่สภาวะปกติ
แจ้งข่าวดี เดือน ก.พ. เริ่มรับวัคซีน 2 ล้านชุด
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (30 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตน เจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกรายที่ผลิตออกมาจำหน่ายแล้ว เพื่อให้ได้วัคซีนมาใช้ในช่วงที่มีการระบาดขณะนี้ ผลของความพยายามและเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน สรุปได้ว่าภายในเดือน ก.พ. - เม.ย.2564 วัคซีนจะถูกส่งมาถึงประเทศไทยไม่น้อยกว่า 2 ล้านชุดก่อน
ทั้งนี้ ได้นำเรียนผลการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนทุกรายให้ท่านนายกรัฐมนตรีทราบแล้ว นายกรัฐมนตรีได้ให้การสนับสนุนเต็มที่ทั้งงบประมาณ และได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อเร่งรัดกระบวนการจัดหาวัคซีนมาให้ถึงประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโดยเร็วที่สุด ซึ่งในวันนี้ จะมีการเจรจากันต่อ เพื่อให้ได้วัคซีนมาให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนคนไทย ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อัปเดตอาการ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เพิ่มการหายใจ - กำลังใจดี เป็นห่วงงาน