วันนี้ (20 ม.ค.2564 ) ศาลอาญาพระโขนงนัดพิพากษาคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมว.พานิชย์ ขับรถยนต์ชนต้นไม้ ทำให้นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ปี 2558 โดยวันนี้ไม่มีการเบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน ออกมาจากเรือนจำกลางบางขวาง เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เกรงเรื่องความปลอดภัย ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่จะถ่ายทอดภาพและเสียงการอ่านคำพิพากษาไปยังเรือนจำบางขวาง ทางระบบ Video Conference ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการอ่านคำพิพากษา
คดีนี้สืบเนื่องจากที่ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ และพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาพระโขนง ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน เป็นจำเลยฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกระทำโดยเอาประโยชน์ที่ตนได้กระทำความผิดอื่นหรือเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนเพื่อเลี่ยงให้พ้นคดีอาญา ตาม ป.อาญา มาตรา 289 (4) (7)
ครอบครัวสงสัยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ว่าไม่น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม และอาจเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ของนายชูวงษ์ ซึ่งทำให้นายชูวงษ์ เสียหายเป็นเงินกว่า 263 ล้านบาท เป็นเหตุให้ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน เมื่อปี 2560
โดยนำวิศวกรยานยนต์และแพทย์มาเบิกความในชั้นไต่สวน กระทั่งศาลประทับรับฟ้อง ระหว่างนั้นสำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้พิจารณาสำนวนจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม และในที่สุดก็ได้มีคำสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ในความผิดเดียวกัน ต่อมาศาลอาญาพระโขนงจึงได้รวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกัน เป็นสำนวนคดีดำที่ อ.1951/2561
สำหรับ พ.ต.ท.บรรยิน ในระหว่างถูกดำเนินคดีฆาตกรรม นายชูวงษ์ ยังถูกศาลพิพากษาอีก 2 คดี คือ คดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ ซึ่งมีผู้ร่วมกระทำผิดอีก 2 คน โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ตัดสินคดีปลอมและโอนหุ้น ลงโทษจำคุก น.ส.กัญฐณา เป็นเวลา 4 ปี จำคุก น.ส.อุรชา เป็นเวลา 4 ปี และจำคุก พ.ต.ท.บรรยิน เป็นเวลา 8 ปี ส่วนจำเลยอื่นยกฟ้อง
อีกคดีอยู่ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีอุ้มฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ คดีนี้อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริต ได้ทำความเห็นแย้งคำตัดสินด้วยว่า ควรจะพิพากษาให้ประหารชีวิต เพราะ พ.ต.ท.บรรยิน รับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน จึงไม่ควรพิจารณาเป็นเหตุให้ลดโทษ