วันนี้ (2 ก.พ.2564) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ช่วงนี้บางพื้นที่ของภาคใต้มีฝนตก ทำให้มีน้ำท่วมขังตามท้องถนน ประชาชนควรระมัดระวังโรคเลปโตสไปโรสิส หรือ โรคไข้ฉี่หนู เนื่องจากการเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคไข้ฉี่หนูได้ง่าย เชื้อโรคนี้จะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล รอยถลอก และการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ
สำหรับสถานการณ์โรคไข้ฉี่หนู ตั้งแต่วันที่ 1-24 ม.ค.2564 พบผู้ป่วย 55 คน มีผู้เสียชีวิต 2 คน กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ อายุ 45-54 ปี รองลงมา อายุ 15-24 ปี และอายุ 35-44 ปี ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเกษตรกร มีประวัติเสี่ยงคือทำงานแช่น้ำหรือลุยน้ำเป็นเวลานาน
ส่วนจังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ ยะลา พังงา ระยอง พัทลุง และสงขลา ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ในต้นปีนี้อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ 47 คน และผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนก็อยู่ในพื้นที่ภาคใต้เช่นกัน
สังเกตอาการของโรคไข้ฉี่หนู
สำหรับอาการของโรคไข้ฉี่หนู เริ่มจากมีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว จะปวดมากโดยเฉพาะที่น่องและโคนขา คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และตาแดง เป็นต้น
หากมีอาการดังกล่าวขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าซื้อยามากินเอง เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ที่สำคัญขอให้แจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย แพทย์จะดำเนินการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรคตามอาการและความรุนแรงของโรค ยิ่งพบแพทย์เร็วยิ่งมีโอกาสหายเร็ว โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เสียชีวิตเกิดจากพบแพทย์ช้าเกินไป
แนะวิธีปฏิบัติป้องกันโรคไข้ฉี่หนู
นพ.โอภาส แนะนำวิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคไข้ฉี่หนู โดยหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำ ย่ำโคลน หรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือถุงพลาสติกที่สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง กรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ
นอกจากนี้ควรหมั่นล้างมือล้างเท้าด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากเสร็จจากการทำงานหรือลุยน้ำ แต่หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที หรือสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422