วันนี้ (24 พ.ค.2564) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้่วยปลัดกระทรวงกลาโหม ,ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล
และผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน คือ แม่ฮ่องสอน, กาญจนบุรี, อุบลราชธานี, สระแก้ว และนราธิวาส ร่วมประชุมผ่านระบบ VTC เพื่อมอบนโยบายบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนในช่วงสถานการณ์ COVID-19
ในที่ประชุมมีการพูดถึง ภาพรวมสถานการณ์ในขณะนี้ว่า ยังพบความต้องการแรงงาน และขบวนการลักลอบนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ และขนย้ายส่งต่อเข้าพื้นที่ชั้นใน ไปยังสถานประกอบการในหลายจังหวัด
โดยทหาร-ตำรวจ ได้ร่วมจัดตั้งจุดตรวจร่วม 1,086 จุด สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 3,2812 คน
โดยจับได้ในพื้นที่ชายแดน 23,258 คน พื้นที่ชั้นใน 9554 คน เป็นผู้นำพา 264 คน ทำลายเครือข่ายไปแล้ว 105 เครือข่าย
พล.อ.ประวิตร สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกระทรวงแรงงาน ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายใต้กลไก ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านของจังหวัด ร่วมกันคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมาย
ควบคู่ไปกับการคุมเข้มมาตรการป้องกันควบคุมโรค ตั้งแต่พื้นที่ชายแดน ต่อเนื่องเข้ามาพื้นที่ชั้นในและเขตเมืองอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ต้นทางชายแดน ถึงปลายทางสถานประกอบการ
พร้อมกำชับให้ทุกส่วนราชการ หากมีการปล่อยปละละเลย หรือบกพร่องต่อหน้าที่ ต้องมีผู้รับผิดชอบ และจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทั้งวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องสมประโยชน์ทุกระดับไม่มียกเว้น
นอกจากนี้ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน ขับเคลื่อนงานร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง บริหารจัดการเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และจริงจังถึงระดับหมู่บ้าน ตำบลติดชายแดน คู่ไปกับกลไก กอ.รมน.จังหวัด
โดยให้วางเครือข่ายเฝ้าระวังดึงประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นหูเป็นตา ไม่ให้มีผู้ลักลอบเข้ามาในทุกช่องทาง โดยเฉพาะต้องหยุดการเคลื่อนไหวของผู้นำพาในพื้นที่ และประชาสัมพันธ์ขยายผลความร่วมมือประชาชนไปด้วยกัน
สำหรับกระทรวงแรงงานให้เร่งเข้าตรวจสอบความเชื่อมโยงจากผลการสอบสวนถึงผู้ประกอบการ ที่สั่งนำแรงงานผิดกฎหมายเข้ามา และให้ประสานกับฝ่ายความมั่นคง
ทำลายเครือข่ายการลักลอบนำเข้าแรงงานข้ามชาติ ผิดกฎหมายเดิม และที่พบใหม่ให้หมดสิ้นโดยเร็ว พร้อมเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ ที่ยังตกค้างให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดโดยเร็ว
ขอให้ดำรงความต่อเนื่องเชิงรุก ตรวจคัดกรองแคมป์คนงานและสถานประกอบการ รวมทั้งกำกับติดตามการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นกลุ่มก้อนที่อาจนำพาโรคโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ขอให้เน้นงานเชิงรุกให้มากขึ้น กำหนดมาตรการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับสถานประกอบการที่ยังใช้แรงงานผิดกฎหมาย ควบคู่กับขอความร่วมมือสถานประกอบการระงับการใช้แรงงานผิดกฎหมายโดยเด็ดขาดและขอให้ตำรวจประสานแก้ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน
เพิ่มจุดตรวจทั้งเส้นทางหลักและรอง สกัดกั้นการลักลอบเคลื่อนย้ายแรงงานเข้ามาในพื้นที่ชั้น และควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นกลุ่มก้อน ทั้งนี้ยังให้คงความต่อเนื่องเปิดปฏิบัติการ กวาดล้างจับกุมการค้ามนุษย์ ยาเสพติด แหล่งมั่วสุมในทุกพื้นที่ชุมชน
โดยให้ขยายผลยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องทุกราย เพื่อร่วมกันควบคุมโรคและการกระทำที่ผิดกฎหมายควบคู่กันไป พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อความปลอดภัยของทุกคน