วันนี้ (9 มิ.ย.2564) กรณี อ.สังขละบุรี ร่วมนำร่องฉีดวัคซีน COVID-19 ล็อตแรก ให้กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง พร้อมกับพื้นที่อื่นทั่วประเทศโดยได้รับจัดสรรวัคซีนเพียง 10 โดส จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ล่าสุด นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เหตุผลที่วันแรก ๆ อ.สังขละบุรี ได้วัคซีนเพียง 1 ขวดนั้น เพราะลงทะเบียนในแอปฟลิเคชัน "หมอพร้อม" จำนวน 10 คนเท่านั้นจึงนัดได้เพียง 10 คนสำหรับวัคซีนล็อตที่ จ.กาญจนบุรี ได้รับมีจำนวน 7,500 โดส โดยกระจายไปทั่วจังหวัดโดยจะให้ประชาชนมาฉีดตามที่นัดไว้
ส่วนวัคซีนจะมีเพียงพอต่อการลงทะเบียนของประชาชนหรือไม่นั้น คาดว่าทางรัฐบาลจะทยอยส่งมาให้เรื่อย ๆ แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันตามกำหนดหรือความต้องการหรือไม่ ทั้งนี้ ตนได้ให้ประชาชนทุกคนลงทะเบียนฉีดวัคซีนและจัดลำดับไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หากได้รับวัคซีนมาจำนวนเท่าใดก็จะฉีดจนกว่าจะหมด
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดซื้อวัคซีนได้แล้ว ซึ่งก็จะมาพิจารณาดูว่าจะเสริมอย่างไร ให้ เร็วกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ขณะที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลและสาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี ได้ร่วมรณรงค์ให้กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง เดินทางมารับวัคซีน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน รวมทั้งยังมีความกังวลผลข้างเคียงทำให้เกิดความไม่มั่นใจที่จะรับวัคซีนจึงมีประชาชนลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อมเพียง 10 คนเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีประชาชนในพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่มีความพร้อมเรื่องการลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม เนื่องจากบางแห่งยังไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลงทะเบียนในช่วงแรกน้อย ประกอบกับในพื้นที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสาธารณสุขในพื้นที่ได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผู้ที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับการจัดสรรในล็อตต่อไปเพิ่มขึ้่น
สำหรับ อ.สังขละบุรี ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสูงไปแล้ว 234 คน ส่วนเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 7 โรค จำนวน 2,864 คน กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 18-59 ปี ตั้งเป้าไว้ที่ 8,285 คน
ล่าสุดมียอดผู้ลงทะเบียนผ่านการสำรวจของ อสม.ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงกลุ่ม 7 โรค จำนวน 1,906 คน ประชาชนทั่วไป จำนวน 8,138 คน ซึ่งคาดว่าจะได้รับการฉีดให้ในรอบต่อไป