ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หมอเตือน! เครียด-กดดันส่งผลอาการ "ไฮเปอร์เวนติเลชั่น"

สังคม
11 ส.ค. 64
18:40
1,546
Logo Thai PBS
หมอเตือน! เครียด-กดดันส่งผลอาการ "ไฮเปอร์เวนติเลชั่น"
กรมการแพทย์ ชี้ภาวะเครียด วิตกกังวล หรือกดดันหนักจากช่วง COVID-19 ส่งผลให้เกิดกลุ่มอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น หรืออาการไม่สบายจากความเครียด เช่น หายใจเร็วเกินไป รู้สึกหายใจลำบาก ชามือ ปลายเท้า มือเท้าจีบเกร็ง แต่ไม่รุนแรงจนเป็นอันตราย

วันนี้ (11 ส.ค.2564) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน ทำให้หลายคนมีภาวะเครียด และส่งผลกระทบทางด้านร่างกาย เช่น ปวดศรีษะ นอนไม่หลับ

อีกหนึ่งอาการทางกายที่เกิดขึ้นได้บ่อยแต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เป็นอาการไม่สบายที่เกิดจากความเครียด คือกลุ่มอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น 

นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า พบว่า คนที่มีกลุ่มอาการไฮเปอร์เวนติเลชั่น มักจะต้องเดินทางไปรับบริการฉุกเฉินอยู่เสมอ และสร้างความกังวลใจต่อครอบครัว คนรอบข้างที่ไม่เข้าใจในสภาวะของโรค อาจจะนำไปสู่ปัญหาด้านคุณภาพชีวิต และสุขภาพจิตภายในครอบครัว และอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้

เช็กอาการแบบไหนเข้าข่าย "ไฮเปอร์เวนติเลชั่น"

นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผอ.สถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า การหายใจลึกและเร็ว เกินกว่าความต้องการของร่างกาย ทำให้เกิดการขับออกของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทางลมหายใจเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดเกิดภาวะความเป็นด่างในเลือดเพิ่มขึ้น และเกิดอาการรู้สึกหายไม่สะดวก แน่นหน้าอก ชาตามร่างกายโดยเฉพาะริมฝีปาก ปลายมือปลายเท้า มือเท้าจีบเกร็ง แต่จะไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นอัมพาต

อาการนี้มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย พบมากในผู้ที่มีจิตใจไม่มั่นคง บุคลิกภาพไม่แข็งแรงหรือไม่หนักแน่น เมื่อมีเรื่องตกใจ ขัดใจ โมโห ฉุนเฉียว ก็จะเกิดอาการกำเริบได้ทันที

ปฐมพยาบาลใช้ถุงกระดาษพับเป็นกรวยครอบปากจมูก

สำหรับการรักษาโดยทั่วไปมักเป็นการให้ผู้ป่วยหายใจให้ช้าลง หรือให้หายใจในวัสดุอุปกรณ์ที่ครอบปิดปากและจมูก เช่น กรวยกระดาษ การให้ความมั่นใจว่าอาการป่วยนี้เกิดจากความเครียด ไม่ใช่อาการของโรคหัวใจหรือโรคทางกายอื่นๆ และไม่มีอันตรายถึงชีวิต

หากยังไม่ทุเลา อาจจะมีการให้ยาคลายกังวลแก่ผู้ป่วย โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยและญาติอาจจะรู้สึกตกใจ โดยความตกใจของผู้ป่วยและญาตินั้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้อาการกำเริบหรือเป็นยาวนานขึ้น

ผู้ป่วยที่มีอาการหายใจเร็วเกินไป ควรตั้งสติ ไม่ตกใจ เพราะอาการไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง พยายามควบคุมการหายใจให้ช้าลง ถ้าไม่สามารถพยายามให้หายใจช้าลงได้ อาจใช้ถุงกระดาษ หรือพับกรวยกระดาษครอบปากและจมูกไว้ เพื่อให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนสู่กระแสเลือด ช่วยให้ภาวะกรดด่างคืนสู่สมดุล  

นอกจากนี้ จะต้องเข้าใจว่าผู้ป่วยไม่ได้แกล้งทำ ตัวผู้ป่วยต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งของสุขภาพจิต ฝึกการเผชิญปัญหาต่างๆ ฝึกวิธีการหายใจและการผ่อนคลาย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการบ่อยๆ หรือเป็นมากขึ้น อาจจะต้องปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อพิจารณากระบวนการรักษาทั้งการให้ยาและการทำจิตบำบัด ซึ่งในบางครั้งอาจจะต้องทำการรักษาแบบกลุ่มหรือครอบครัวบำบัดร่วม
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง