ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

นาทีชีวิต ผ่าตัด "เด็กติดโควิด" ตับ-ม้ามแตก หลังรถพลิกคว่ำ

สังคม
20 ส.ค. 64
09:52
2,361
Logo Thai PBS
นาทีชีวิต ผ่าตัด "เด็กติดโควิด" ตับ-ม้ามแตก หลังรถพลิกคว่ำ
ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โพสต์เล่าปฏิบัติการทีมแพทย์ช่วยเหลือเด็กติด COVID-19 ประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ทำให้พ่อแม่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนเด็กเจ็บสาหัส ตับแตก ม้ามแตก กระทั่งผ่านมา 7 วัน พ้นขีดอันตราย

วันที่ 19 ส.ค.2564 นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Arak Wongworachat" เล่าเหตุการณ์ทีมแพทย์ช่วยเหลือช่วยเหลือผู้ป่วย COVID-19 หลังครอบครัวประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ทำให้พ่อแม่เสียชีวิต ส่วนลูกทั้ง 2 คนบาดเจ็บสาหัส

ครอบครัวหนึ่งติด COVID-19 ทั้งบ้าน 4 คน คือ พ่อ แม่ และลูก 2 คน เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างเข้าเขต อ.สิชล เกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ทำให้พ่อ แม่ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนลูก 2 คน บาดเจ็บสาหัส

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยชีวิต แต่เด็กทั้ง 2 คนที่ยังมีสติ บอกกับทีมว่าติดเชื้อ COVID-19 การช่วยชีวิตจึงไม่ง่ายเลย ต้องใส่ชุด PPE เข้าไปช่วยชีวิตด้วยความระมัดระวัง

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่เร่งนำตัวเด็กทั้ง 2 คน ส่ง รพ.สิชล ทีมเตรียมพร้อมรับเต็มที่ เด็กคนโตอายุ14 ปี เริ่มจะไม่รู้สึกตัว ชีพจรเบา เร็ว ความดันต่ำ จึงรีบแทงน้ำเกลือ เปิดเส้นให้สารน้ำ จองเลือด เจาะท้อง มีเลือดออกในท้อง สงสัยม้าม ตับ หรือลำไส้แตก เพราะแรงอัดอย่างรุนแรง

"นาทีนั้นคิดอย่างเดียวว่าเด็กต้องรอด" แพทย์ตัดสินใจนำคนไข้เข้าห้องผ่าตัด เพื่อเปิดช่องท้องหยุดเลือดออกในท้องโดยไม่รอช้า ทีมรีบสวมชุดปฏิบัติการกู้ภัยโควิดครบทีม ทั้งหมอดมยาสลบ หมอผ่าตัด พยาบาล เตรียมพร้อมรออยู่แล้ว คนไข้รายนี้ไม่ต้องรอเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพราจะไม่ทันการ

เด็กเสียเลือดมากโอกาสเสียชีวิตสูง เข้าห้องผ่าตัดเข็นในแคปซูลป้องกันโควิด

 

เมื่อทีมพร้อมเริ่มดมยาสลบ ผ่าตัดทันที เปิดเข้าไปมีเลือดในท้องกว่า 1,500cc ตับแตก เย็บซ่อมพอไหว ม้ามแตกตัดม้ามทิ้ง ลำไส้บางส่วนช้ำแต่ไม่ทะลุ เลือดออกเยื่อบุช่องท้อง ใช้เวลาผ่าตัด 30 นาที ออกมาพักฟื้นใส่ท่อช่วยหายใจห้องไอซียูแรงดันลบ

ผ่านมาแล้ว 7 วัน จะเริ่มถอดท่อช่วยหายใจและเด็กพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ทีมแพทย์ทั้งทีมต้องกักตัว และตรวจ COVID-19 เป็นระยะ ๆ รอลุ้นในวันนี้ (20 ส.ค.) ว่าทีมจะมีผู้ติดเชื้อจากปฏิบัติการครั้งนี้หรือไม่

ถึงจะเสี่ยงอย่างไรแต่ไม่หวาดหวั่น รักษาชีวิตผู้ป่วยเป็นหน้าที่เหนือสิ่งอื่นใด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง