วันนี้ (24 ส.ค.2564) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าววว่า เนื่องจากตลาดเป็นสถานที่รวมกลุ่มทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย และผู้ขนส่งสินค้า ซึ่งการแพร่ระบาด COVID-19 ในตลาด ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-10 ส.ค.นี้ ใน 23 จังหวัด 132 แห่ง พบว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 14,678 คน ทำให้ต้องมีการยกระดับป้องกันโดยใช้การเฝ้าระวังเชิงรุกร่วมกับแผนเผชิญเหตุด้วยการสุ่มตรวจผู้ขายและแรงงานในตลาดสดร้อยละ 10
เมื่อมีการสุ่มตรวจแล้ว หากพบผู้ติดเชื้อ 1 คน จะสั่งปิดเฉพาะแผงค้าที่พบการติดเชื้อ14 วัน แต่หากพบผู้ติดเชื้อ 2 คนขึ้นไป ให้ทำความสะอาดและปรับปรุงสุขาภิบาล ปิดแผงที่พบผู้ติดเชื้อ 14 วัน ออกคำสั่งแยกกักผู้ติดเชื้อหรือกักตัว ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไม่ให้เข้าทำงานในตลาด และให้ร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจคัดกรองเชิงรุกต่อไป
ถ้าพบผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10% ให้ปิดแผงค้าที่พบให้ครบ 14 วัน และเปิดตลาดได้ในวันที่ 4 นับจากวันที่สั่งปิดตลาด แต่หากพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 10% ให้ปิดตลาดต่อให้ครบ 14 วัน
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ต้องสำรวจชุมชนที่พักรอบตลาดพิจารณาทำมาตรการ Community Quarantine Isolation ให้การช่วยเหลือในระหว่างการกักตัว มีการตรวจตามมาตร การผ่อนปรนในวันที่ 13-14 นับจากวันที่พบผู้ติดเชื้อรายแรก และพิจารณาให้ฉีดวัคซีนชุมชนรอบตลาดและ ผู้ค้าขายที่ตรวจไม่พบการติดเชื้อ
งัด 3 มาตรการสกัด ใช้ ATK-จัดระเบียบพื้นที่
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เพื่อช่วยชะลอการแพร่ระบาดในตลาดจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกัน 3 ด้าน ด้านการป้องกันคน ให้มีการคัดกรองคน โดยผู้ที่ไม่มีอาการสงสัยการติดเชื้อ ไม่มีประวัติเสี่ยง ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงสามารถเข้าตลาดได้ และเสริมด้วยการตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ตามความพร้อม หรือคัดกรองผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่หากเคยติดเชื้อหรือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้แสดงหลักฐานว่าได้แยกกักหรือกักกันไม่น้อยกว่า 14 วัน
ลดจุดทางเข้า-ออก ลดแออัด
ส่วนด้านการป้องกันสถานที่ ให้ตลาดประเมินและปฏิบัติตามมาตรการผ่าน Thai Stop COVID Plus จัดให้มีจุดเข้า-ออกทางเดียวหรือลดจุดลง จัดคนควบคุมกำกับให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน DMHTTA โดยเคร่งครัด จัดระบบสุขาภิบาลและอนามัยสิ่งแวดล้อม ให้มีการเว้นระยะห่าง ไม่แออัด มีการระบายอากาศที่ดี ทำความสะอาดทำลายเชื้อทุกวัน
โดยเฉพาะบริเวณพื้นผิวสัมผัสให้ทำความสะอาดทุกชั่วโมง และจัดระบบเพื่อลดกิจกรรมที่สัมผัสใกล้ชิดกัน เช่น ห้ามรวมกลุ่มพูดคุยหรือมีกิจกรรมเสี่ยง มีการจัดพื้นที่สำหรับกินอาหารโดยเฉพาะ ใช้วิธีจ่ายเงินดิจิตัลหรืออี-เพย์เมนท์
และสุดท้ายการจัดการระบบเฝ้าระวังควบคุมโรค เช่น มีการสุ่มตรวจเฝ้าระวังเชิงรุก ตรวจคนและตรวจสิ่งแวดล้อม จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามหรือสถานที่แยกกักหรือกักกัน กรณีพบผู้ติดเชื้อหรือพบผู้มีผลตรวจ ATK เป็นบวก ตลอดจนพิจารณาควบคุมการเดินทางไป-กลับ รวมไปถึงที่พักอาศัยของคนในตลาดด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.สกัด "โควิดในตลาด" สุ่มใช้ ATK ตรวจ 2 แสนคน