องค์กรภาคเอกชนใน อ.สะเดา จ.สงขลา เตรียมขับเคลื่อนโครงการเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวในพื้นที่ ภายหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 2 ปี ส่งผลให้ร้านค้าโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในพื้นที่บ้านด่านนอก ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
เนื่องจากพื้นที่นี้ ต้องพึ่งพาการค้าและการท่องเที่ยว จากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเป็นหลัก ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านค้าโรงแรม ที่ยังเปิดให้บริการเหลืออยู่เพียงร้อยละ 20
ผุดโครงการ "ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์"
นายสิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการรักษ์ด่านนอก อ.สะเดา จ.สงขลา เปิดเผยว่า องค์กรภาคเอกชนได้ร่วมกันวางโครงการ ด่านนอกแซนด์บ็อกซ์ เพื่อเปิดด่านพรมแดนสะเดา เชื่อมต่อกับประเทศมาเลเซีย รองรับนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียอีกครั้ง ภายใต้มาตรการป้องกันการติดเชื้อ COVID-19
ทั้งนี้ประเมินว่าทางประเทศมาเลเซีย ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนกว่า 31.8 ล้านโดส มีประชาชนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 13.3 ล้านโดส คิดเป็นร้อยละ 41.7 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะมีประชาชนชาวมาเลเซียได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ครอบคลุมร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด ภายในเดือน ต.ค.2564 ซึ่งสอดรับกับนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี
โครงการด่านนอกแซนด์บ็อกซ์ เฟสแรกคาดว่าจะเริ่มเปิดด่านพรมแดนในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2564 แล้วใช้เวลาประเมินผล 2 เดือน หากเป็นไปด้วยดี จะขยายผลให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปจนถึง อ.หาดใหญ่ ได้ในเฟส 2 ตั้งแต่ 1 ม.ค.2565
แนวทางป้องกัน COVID-19
สำหรับแนวทางป้องกันเชื้อ COVID-19 พนักงานต้องได้รับวัคซีนครบ 2 โดส ทุกคนภายในเดือน ต.ค.2564 และให้บริการตามมาตรฐานสาธารณสุข ส่วนนักท่องเที่ยวต้องมีใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส และผลการตรวจเชื้อCOVID-19 เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง โดยในระยะแรกห้ามนักท่องเที่ยว เดินทางออกนอกพื้นที่ระยะทาง 2.7 กิโลเมตร
หลังจากนี้จะสรุปข้อมูลแนวทางโครงการด่านนอกแซนด์บ็อกซ์ นำเสนอจังหวัดสงขลา เพื่อพิจารณาดำเนินการตามแผนงานและนำเสนอไปยังรัฐบาล ทั้งนี้ หากสามารถเปิดโครงการได้ ก็จะเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่แนวพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านทั่วประเทศต่อไป ซึ่งเฟสแรกคาดว่าจะสร้างรายได้หลายสิบล้านบาท และจ้างงานนับหมื่นคน
ขอฉีดวัคซีนกว่าร้อยละ 70 ของประชากร
นายสุรพล กำพลานนท์วัฒน์ นายกสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า หากโครงการด่านนอกแซนด์บ็อกซ์ ในเฟสแรกผ่านไปได้ด้วยดี จะขยายโครงการเข้าสู่เมืองหาดใหญ่ แต่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่เป็นพื้นที่กว้าง การเดินทางเข้ามาทำได้หลายช่องทาง ทำให้การควบคุมโรคนั้นทำได้ยาก
ดังนั้นนอกเหนือจากความพร้อมของผู้ประกอบการแล้ว วัคซีนก็สำคัญ จะต้องมีการระดมฉีดวัคซีนให้เกินกว่าร้อยละ 70 ของประชากรเสียก่อน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว
ต้องขอรับการสนับสนุนวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ และแรงงานในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 30,000 โดส ภายในเดือน ต.ค.นี้ หากฉีดวัคซีนน้อย โอกาสเปิดเมืองก็ทำได้ยาก แม้ผู้ประกอบการจะพร้อมปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของภาครัฐ