กสท หวัง 3จี -เอฟทีทีเอ็กซ์ เเลี้ยงองค์กร เผยให้บริการ 3 จีเอชเอสพีเอ เจอโรคเลื่อน
ายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 (พ.ร.บ.กสทช.) ที่กำหนดให้ กสท ต้องนำส่งรายได้จากสัญญาสัมปทาน เข้ากระทรวงการคลัง จะเริ่มจัดเก็บในเดือนธันวาคม 2556 เป็นผลให้ผลประกอบการของกสท ในปี 2557 จะขาดทุนสุทธิมากกว่า 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มพลิกมามีกำไรได้ในปี 2558 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ปัจจุบันกสท มีรายได้ประมาณปีละ 50,000 ล้านบาท คิดเป็นกำไรราว 6,000 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากสัญญาสัมปทาน 60% หรือ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น จากบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค 55% ประมาณ 16,000 ล้านบาท บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ราว 30% และบริษัท ดิจิตอลโฟน จำกัด (ดีพีซี) ประมาณ 10%
นายจิรายุทธ กล่าวว่า บริษัทจึงต้องพยายามหารายได้จากธุรกิจอื่นๆเข้ามาเสริม โดยธุรกิจที่จะเป็นสายเลือดใหม่มาหล่อเลี้ยงองค์กรได้ในอนาคต คือ การให้บริการ 3จี เอชเอสพีเอของกสท เอง และที่ทำสัญญาร่วมกับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริการไฟเบอร์ทูเดอะเอ็กซ์ (เอฟทีทีเอ็กซ์) โดย กสท ยังต้องหารายได้จากนโยบายของรัฐบาล ทั้งการกระจายการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตไปสู่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งตามแผนงานของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ต้องการให้เกิดบริการอินเตอร์เน็ตครอบคลุม 85% ในปี 2558 รวมทั้งแผนการจัดตั้งรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (อี-กอฟเวอร์เม้นท์)
นายจิรายุทธ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการให้เปิดบริการ 3จี เอชเอสพีเอของ กสท เอง ภายใต้แบรนด์ "มาย" หลังจากเปิดบริการได้ตั้งแต่ปลายเดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ามาในระบบไม่ถึง 10,000 ราย ซึ่งยอมรับว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้มาก โดยสาเหตุเป็นเพราะกสท ยังไม่มีระบบบริการ ระบบหลังบ้าน (แบล็ค ออฟฟิศ) ที่ไม่สมบูรณ์ ดังนั้น จึงขอเวลาพัฒนาระบบและเครือข่าย โดยจากเดิมที่กำหนดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเดือนนี้พร้อมกับทรูมูฟ เอช อาจจะต้องเลื่อนไปเป็นสิ้นเดือนกันยายน ขณะที่ทรูมูฟ เอช จะเปิดบริการ 3จี ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้