วันที่ 9 พ.ย.2564 พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.กองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว สั่งการให้ พ.อ.รณรงค์ เส็งมี ผบ.ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 13 นำกำลังทหารพรานที่ 1302 สนธิกำลังร่วมกับกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ฝ่ายปกครอง สกัดกั้นการลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ หลบหนีเข้าเมืองและป้องกันการทำผิดกฎหมายต่าง ๆ
กระทั่งพบกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชา ขณะกำลังลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยข้ามแดนมาฝั่งไทย ที่บริเวณบ้านทับพริก ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จำนวน 34 คน เป็นชาย 18 คน หญิง 16 คน โดยทั้งหมดไม่มีเอกสารใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศและใบอนุญาตทำงานในประเทศไทย
เปิดเส้นทางเข้าไทย
จากการสอบสวนแรงงานชาวกัมพูชา ให้การว่า เดินทางมาจาก จ.บันเตียเมียนเจย ลอบข้ามแดนเพื่อจะไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, ทำงานโรงงานไก่ จ.สระบุรี, รับจ้างส่งของ จ.ชลบุรี และไปทำประมงที่ จ.ระยอง
โดยติดต่อกับเพื่อนชาวกัมพูชา และนายหน้ากัมพูชาผ่านโทรศัพท์ นัดรวมตัวกันที่ ต.บังเบง อ.มาลัย จ.บันเตียเมียนเจย และจ่ายค่านำพาจากฝั่งกัมพูชา จนถึงที่ทำงานปลายทางในประเทศไทย รายละ 2,000-7,000 บาท
มีชาวกัมพูชานำทางพาเดินลักลอบข้ามแดนผ่านคลองน้ำใส บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อมารอขึ้นรถของผู้นำพาชาวไทยเข้าสู่ตอนในของประเทศตามที่ได้ติดต่อไว้ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ทหารไทยจับกุมได้เสียก่อน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจคัดกรอง COVID-19 และตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของชาวกัมพูชา พบว่ามีอุณหภูมิเป็นปกติ จึงประสานส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในวันเดียวกัน ที่บริเวณบ้านคลองน้ำใส หมู่ 1 ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ขณะที่ชุดลาดตระเวน ชค.ทพ.13 ซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ สามารถตรวจพบชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติอีก 11 คน เป็นชาย 6 คน หญิง 5 คน บริเวณคลองน้ำใส ใกล้กับชายแดนไทย-กัมพูชา จึงนำตัวมาซักถาม
ชาวกัมพูชาให้การว่า ทั้งหมดมาจาก จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.ตโบงฆมุม ประเทศกัมพูชา ต้องการไปทำงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.ชลบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส เพื่อดำเนินการตามกฎหมายเพิ่มเติม
วันเดียว จับลอบเข้าไทย 60 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ฉก.ตาพระยา กองกำลังบูรพา ร่วมกับตำรวจ สภ.ตาพระยา ออกลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจพบชาวกัมพูชา ขณะลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยใช้ช่องทางธรรมชาติอีก 15 คน เป็นชาย 12 คน และหญิง 3 คน ที่บริเวณ บ.หนองมั่ง หมู่ 5 ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
จากการสอบสวนชาวกัมพูชาทั้งหมด ให้การว่า ลักลอบเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อจะเข้ามาทำงานในพื้นที่กรุงเทพฯ, จ.นนทบุรี, และ จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่จึงนำตัว ส่งให้ สภ.โคกสูง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ส่งผลทำให้ช่วงวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่กองกำลังชายแดนจับกุมชาวกัมพูชาได้ทั้งหมด 60 คน
ชงลงโทษเด็ดขาดคนเอี่ยวลอบพาแรงงานเข้าไทย
ขณะที่นายอัมรินทร์ ยี่เฮง นักเคลื่อนไหวเครือข่ายภาคประชาชนจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า ภายหลังการเปิดประเทศ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา พบแนวโน้มแรงงานข้ามชาติลักลอบเข้าไทยเพิ่มขึ้น อีกทั้งพบว่า ค่านำพาสูงขึ้น อยู่ที่รายละ 7,000-9,000 บาท จากเดิมช่วงก่อนสถานการณ์ จ่ายรายละ 3,000-5,000 บาท
สิ่งที่ทำมาตลอด 2 ปี เกี่ยวกับการต่อต้านการค้าแรงงานในพื้นที่เหมือนกับล้มเหลว
นายอัมรินทร์ ระบุว่า ขณะนี้ยังมีกลุ่มขบวนการนำพาแรงงานเข้าไทย เดินตามเส้นทางป่าและแวะพักตามจุดที่กำหนดไว้ รอรถมารับไปส่งยังจังหวัดต่าง ๆ ส่วนอีกกลุ่มที่น่ากังวล เป็นชาวบ้านที่ขาดรายได้จากการประกอบอาชีพและรู้จักกับชาวกัมพูชา มีรายได้ค่านำพาเข้าไทยอย่างน้อยคนละ 4,000 บาท
พร้อมเสนอผู้บังคับบัญชาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการสกัดและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง ใช้มาตรการลงโทษเด็ดขาด กรณีพบว่าลูกน้อง หรือเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการนำแรงงานเข้าไทยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะช่วงระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ยังไม่คลี่คลาย
บางคนเดินเป็น 10-50 กิโลเมตร มาจากตาพระยาในเวลากลางคืน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
7 วัน เปิดประเทศ จับลอบเข้าเมือง 3,833 คน
จับแรงงานเมียนมา 219 คนลักลอบเข้าไทยที่สังขละบุรี
ทิ้งแรงงานกลางป่ายาง หลังรถพลิกคว่ำขณะลอบเข้าเมือง