วันนี้ (10 พ.ย.2564) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง พร้อมทีมทนายความ เดินออกจากห้องพิจารณาคดีระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังอ่านคำวินิจฉัยในคดีการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
หลังจากที่เข้าไปรับฟังประมาณ 10 นาที และชี้แจงร้องขออ่านคำร้องขอปิดคดี รวมทั้งขอให้ศาลเบิกตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ถูกร้องคดีมาร่วมรับฟังการอ่านคำวินิจฉัย แต่ศาลไม่อนุญาต
น.ส.ปนัสยา เปิดเผยว่า จำเป็นต้องออกมาจากห้องพิจารณาคดี เนื่องจากศาลไม่รับฟังการร้องขอของผู้ถูกร้อง อีกทั้งไม่มีการไต่สวนผู้ถูกร้องทั้ง 3 คน และให้ฟังคำวินิจฉัย แม้ว่าจะร้องขอให้ไต่สวน พร้อมกับนำพยานมาร่วมไต่สวนก็ตาม
จากนั้นได้มาร่วมนั่งฟังการอ่านคำวินิจฉัยด้านหน้าเขตอำนาจศาล ภายหลังศาลวินิจฉัยว่าทั้ง 3 คน กระทำการล้มล้างการปกครอง
"รุ้ง" ไม่ยอมรับคำวินิจฉัย เหตุไม่ได้ไต่สวนผู้ถูกร้อง
น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และไม่อาจยอมรับคำวินิจฉัยของศาลได้ เนื่องจากไม่ได้ไต่สวนผู้ถูกร้อง
แม้ว่าศาลระบุว่าการพิจารณาไม่ใช่ระบบไต่สวนก็ตาม แต่ทางผู้ถูกร้องมีเอกสารพยานหลักฐาน และพยานบุคคลมาร่วมไต่สวน แต่ศาลระบุว่ามีหลักฐานเพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังยืนยันจะเดินหน้าเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทั้ง 10 ข้อต่อไป เนื่องจากเป็นข้อเรียกร้องที่เห็นว่าจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงภายใต้ระบอบประชาธิปไตยมากกว่าที่เป็นอยู่
และขอให้การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ บันทึกในประวัติศาสตร์ว่า หากมีผู้เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันฯ ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง
ทนายวอนสังคม-นานาชาติร่วมตรวจสอบคำวินิจฉัย
ขณะที่นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำคำวินิจฉัยของศาลไปดูในรายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่เบื้องต้น เห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกินกว่าอำนาจของศาล
เนื่องจากมีคำสั่งห้ามผู้ถูกร้องมิให้ไปกระทำการดังกล่าวในภายหน้าอีก ซึ่งจะไปกระทบกับสิทธิของประชาชนที่อาจจะเคลื่อนไหวเรียกร้องในลักษณะดังกล่าว พร้อมกับร้องขอให้สังคม และนานาชาติตรวจสอบคำวินิจฉัยดังกล่าว
ส่วนพยานหลักฐานของผู้ร้อง มีเพียงการถอดคำปราศรัย โดยที่ฝั่งผู้ถูกร้องได้ยื่นคัดค้านและขอส่งพยานหลักฐาน รวมทั้งขอให้ไต่สวนพยาน 8 คน แต่ศาลไม่รับคำร้องดังกล่าว จึงไม่เห็นว่าพยานหลักฐานจะไม่เพียงพอต่อการวินิจฉัยในวันนี้
สำหรับคำวินิจฉัยนี้ เรียกร้องให้สังคม และหน่วยงานนานาชาติให้ร่วมกันตรวจสอบถึงความชอบธรรมในการวินิจฉัย
ส่วนคดีนี้จะเกี่ยวพันกับการวินิจฉัยในคดีอาญาที่มีอยู่แล้วหรือไม่ นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้โจทก์ในคดีอยู่แล้ว แต่ยังต้องรอติดตามในการพิจารณาคดีอาญาของกลุ่มนี้ต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาล รธน.วินิจฉัย “อานนท์-ไมค์-รุ้ง” ล้มล้างการปกครอง - ให้เลิกการกระทำ
"ณฐพล" ระบุนำคำวินิจฉัยคดีล้มล้างฯ ประกอบคำร้องยุบ "ก้าวไกล"
"รุ้ง-ปนัสยา" อ่านคำแถลงปิดคดี ยืนยันไม่ได้ล้มล้างการปกครอง
จับตา ชี้ชะตา "รุ้ง-ไมค์-อานนท์" คดีล้มล้างการปกครอง
"เพื่อไทย" ยื่นสภาฯ ตั้ง กมธ.วิสามัญฯช่วยผู้ต้องขังทางการเมือง