วันนี้ (12 พ.ย.2564) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ว่า ขณะนี้มีคำถามเข้ามามากเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน เข็ม 1 เข็ม 2 เข็ม 3 จะใช้อะไร หรือจะฉีดเมื่อไหร่
หลักการของวิชาในวัคซีน ต้องทำความเข้าใจ
การให้วัคซีนเข็มแรก หรือชุดแรก ถือเป็นการปูพื้น การให้ในเข็มต่อไปถือเป็นการกระตุ้นให้ระดับภูมิต้านทานขึ้นสูง ดังนั้น หากคิดว่าให้แค่ 2 เข็มแรกพอ ก็จะถือเข็มแรกเป็นการปูพื้น เข็มที่ 2 จะถือเป็นการกระตุ้น หากให้ 3 เข็ม โดยชุดแรก 2 เข็ม ให้ใกล้กันเช่นห่างกัน 3-4 สัปดาห์ 2 เข็มแรก หรือชุดแรกถือเป็นการปูพื้นและเข็ม 3 ถือเป็นการกระตุ้น ระยะห่างของการปูพื้น และการกระตุ้น ยิ่งห่างยิ่งดี
อย่างไรก็ตาม หากห่างเกินไปภูมิต้านทานลดลงก่อนกระตุ้น ก็จะเกิดการติดเชื้อแทรกขึ้นมาได้ เช่น หากการให้ 2 เข็ม ที่ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจะสู้ 2 เข็มที่ห่างมากกว่า 3-4 สัปดาห์ไม่ได้ ตัวอย่างเห็นได้ชัดในวัคซีนแอสตราเซเนกาสามารถให้ได้ห่าง 4 - 12 สัปดาห์ การให้ห่าง 8 หรือ 16 สัปดาห์ ภูมิต้านทานจะดีกว่าให้ห่างกันที่ 4 สัปดาห์
เช่นเดียวกันกับวัคซีนตัวอื่น ในโรคที่มีความรุนแรง เช่น พิษสุนัขบ้า ทำให้ต้องให้เป็นชุดมีความถี่ (ให้ถึง 5 เข็มโดยเข็มแรก ๆ จะถี่เข็มหลัง ๆ จะห่างขึ้น) เพื่อมั่นใจในเรื่องของภูมิต้านทานในการป้องกันโรค หรือในภาวะที่มีการระบาดของโรคอย่างรุนแรง ระยะห่างของ 2 เข็มแรก ควรจะเข้ามาใกล้กัน
ถ้าเข็มแรกถือว่าเป็นการปูพื้น เข็มที่ 2 ถือเป็นการกระตุ้น โดยหลักการยิ่งห่างยิ่งดี แต่ถ้าห่างเกินไปจะเกิดการติดโรคเสียก่อน การกระตุ้นเข็ม 3 ก็เช่นกัน การให้วัคซีนชุดแรก 2 เข็มถือเป็นการปูพื้น การกระตุ้นเข็ม 3 ถือเป็น boost ระยะห่างก็มีความหมาย
การเลือกชนิดของวัคซีนใน COVID-19
ศ.นพ.ยง ระบุว่า วัคซีนเชื้อตายจะเป็นวัคซีนปูพื้นที่ดี ไม่เหมาะเป็นวัคซีนกระตุ้น เชื้อตายใช้ไวรัสทั้งตัว การปูพื้นเหมือนเป็นการจำลองการติดเชื้อ ขณะนี้ทางตะวันตกก็พัฒนาวัคซีนเชื้อตาย เช่น ฝรั่งเศสที่ใกล้ออกมาแล้ว คือ วัคซีน Valneva ผ่านระยะที่ 3 และกำลังขอขึ้นทะเบียนในยุโรปที่ประเทศในยุโรปให้ความสนใจ
วัคซีนไวรัสเวกเตอร์ หรือ mRNA จะเหมาะเป็นวัคซีนกระตุ้น และการกระตุ้นจะต้องเว้นระยะห่างพอสมควร ดังนั้น หากปูพื้นด้วยไวรัส Vector หรือ mRNA ตัวเลือกในการกระตุ้นมีไม่มาก เพราะรู้ดีว่าการให้ไวรัส Vector ถึง 2 ครั้งแล้ว จะมีภูมิต้านทานต่อตัวเวกเตอร์ที่ทำมาจากไวรัสเช่นเดียวกัน (adenovirus) การให้ซ้ำหลายครั้งจะกระตุ้นภูมิต้านทานได้ไม่ดี เข็มกระตุ้นของไวรัสเวกเตอร์ ควรเป็น mRNA
การให้ mRNA หลายครั้ง เราทราบดีว่าการให้เข็ม 2 อาการข้างเคียงจะมากกว่าเข็มแรก โดยเฉพาะการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบมักเกิดในเข็ม 2 ที่พบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ไม่มีใครบอกได้ว่าเข็ม 3 จะเกิดเพิ่มอีก แต่โดยหลักการก็ต้องพึงระวัง โดยเฉพาะในเด็ก
ศ.นพ.ยง ย้ำว่า จากข้อสรุปทั้งหมดจะเห็นว่า "การเริ่มต้นด้วย mRNA แล้วจะหาวัคซีนชนิดอื่นกระตุ้นได้ยาก การเริ่มต้นด้วยไวรัสเวกเตอร์ ยังสามารถใช้ mRNA เป็นตัวกระตุ้น การใช้วัคซีนเชื้อตายเริ่มต้นปูพื้น สามารถใช้ได้ทั้งไวรัส Vector กระตุ้น หรือต่อไปจะใช้ mRNA กระตุ้นได้อีก"
ทั้งนี้ COVID-19 ยังคงอยู่กับเราอีกนาน และเชื่อว่ามีความจำเป็นต้องกระตุ้น และเมื่อกระตุ้นเข็ม 3 แล้ว อาจจะยังต้องมีเข็มที่ 4 ที่ 5 ในปีต่อ ๆ ไปโดยระยะเวลาในการใช้กระตุ้นครั้งต่อไปก็คงต้องยาวนานออกไปอีก ทั้งหมดนี้ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมทั้งนั้น เพราะโรคนี้เป็นเรื่องใหม่หมด
ขณะนี้ทางศูนย์ไวรัสที่ทำอยู่จึงจำเป็นที่จะต้องหารูปแบบต่างๆที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย จึงทำให้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ในระยะนี้จะเห็นประกาศการรับอาสาสมัครต่อไปอีกจนถึงสิ้นปี