ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตอาหารเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติ ที่อาจจะกลายเป็นรูปแบบหนึ่งในการผลิตอาหารให้เพียงพอกับความต้องการ และสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น
สร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภค
ผู้บริโภคในปัจจุบันมีความต้องการด้านอาหารที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการไม่บริโภคเนื้อสัตว์ การเลือกทานอาหารที่เน้นสุขภาพ หรือแม้แต่ข้อจำกัดด้านสุขภาพ ซึ่งทำให้ต้องเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะกับตัวเอง การใช้เทคโนโลยี 3D Food Printer จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกอาหาร และสารอาหารที่เหมาะกับตัวเองได้
ลดต้นทุนในการผลิตและขนส่ง
ต้นทุนของวัตถุดิบและระยะทางที่ห่างไกล เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาหารมีราคาแพง การนำเทคโนโลยีการพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติมาใช้ จึงเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิต ทำให้ผู้บริโภคที่อยู่ปลายทาง ได้มีโอกาสทานอาหารที่มีรสชาติแบบเดียวกัน ได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม
แหล่งอาหารสำหรับนักบินอวกาศ
ความสามารถของเครื่องพิมพ์อาหารแบบ 3 มิติ ไม่เพียงเป็นช่องทางใหม่สำหรับการผลิตอาหารของมนุษย์บนโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารสำหรับนักบินอวกาศที่ต้องไปปฏิบัติภารกิจอยู่นอกโลกอีกด้วย เพื่อต้องการให้นักบินอวกาศได้ทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารครบถ้วน
ลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง
ขั้นตอนการเตรียมอาหารบางอย่าง รวมถึงการทานอาหารแบบเหลือทิ้ง ทำให้เกิดขยะและเป็นการใช้ทรัพยากรโดยไม่คุ้มค่า แต่การผลิตอาหารโดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ จะช่วยให้สามารถใช้ทรัพยากรโดยไม่เสียเปล่า ด้วยการเปลี่ยนให้กลายเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารด้วย 3D Food Printer จึงเป็นการช่วยลดปริมาณอาหารเหลือทิ้งได้ในคราวเดียว
ที่มาข้อมูลและภาพ: Ukrainerol, ALL3DP.pro, 3DPrinting
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech