แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรป่วนอาละวาดอย่างต่อเนื่อง หลายคนสูญเงินในบัญชีไปจนหมด และได้เตือนภัยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงแจ้งเตือนขึ้นบัญชีดำเบอร์โทรศัพท์แปลกปลอมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมิจฉาชีพที่แอบอ้างว่ามาจาก "DHL" หรือ "DHL Express"
ขณะที่ "DHL Express" ได้เปิดเผยข้อมูลรูปแบบที่มิจฉาชีพมักใช้ในการหลอกลวงประชาชน และ 4 ข้อสังเกตสำคัญ เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบก่อนเสียข้อมูลหรือทรัพย์สินไป
6 รูปแบบที่มิจฉาชีพมักใช้เพื่อหลอกลวง
- โทรมาแจ้งว่ามีพัสดุจัดส่ง โดยให้กดหมายเลขเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
- โทรมาแจ้งว่าพัสดุจากต่างประเทศติดศุลกากร และไม่สามารถจัดส่งได้ ต้องแอดไลน์ หรือโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวเพื่อเคลียร์ของ
- โทรมาแจ้งว่าคุณได้รับรางวัลและของอยู่ในระหว่างจัดส่ง แต่ต้องแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล หรือชำระค่าภาษีนำเข้า โดยที่คุณเองไม่ได้มีประวัติการร่วมกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด
- โทรเข้ามากล่าวหาว่าส่งของผิดกฎหมาย และหลอกให้โอนเงินเพื่อเคลียร์คดี หรือโอนสายให้เคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางโทรศัพท์
- อ้างว่าคุณเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน มีประวัติส่งพาสปอร์ต บัตร ATM ไปประเทศจีน ฯลฯ
- ส่งข้อความ SMS อ้างว่าเป็น DHL ชวนให้คลิกลิงค์ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพบนมือถือ
ข้อสังเกตสำคัญ รู้ทันมิจฉาชีพ
1.มิจฉาชีพจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดส่งพัสดุ (ชื่อผู้รับ ผู้ส่ง ต้นทาง ปลายทาง หมายเลขติดตามพัสดุ สถานะการจัดส่ง ฯลฯ) หากเป็นการติดต่อจาก DHL Express ตัวจริง เจ้าหน้าที่จะมีข้อมูลการจัดส่งเบื้องต้น รวมถึงหมายเลข waybill ที่ลูกค้าจะนำไปติดตามสถานะของพัสดุระหว่างประเทศได้
2.มิจฉาชีพมักจะแจ้ง "หมายเลข waybill" ที่ไม่มีอยู่จริง ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุระหว่างประเทศที่ขนส่งโดย DHL Express ได้เบื้องต้นที่ https://mydhl.express.dhl/th/th/home.html
3.มิจฉาชีพจะบังคับให้โอนเงินเข้า "บัญชีธนาคารในชื่อบุคคล" ซึ่ง DHL Express ไม่มีนโยบายเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าภาษี หรือค่าบริการผ่านบัญชีธนาคารชื่อบุคคลเป็นอันขาด
4.มิจฉาชีพจะกล่าวหาผู้รับสายว่าทำผิดกฎหมาย อ้างชื่อสถานีตำรวจและอาสาประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางโทรศัพท์หรือไลน์ หรือเรียกร้องให้โอนเงินเป็นหลักประกันและจะคืนให้ในภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งกระบวนการของตำรวจเช่นนี้ไม่มีอยู่จริง