วันนี้ (25 มี.ค.2565) กรมทรัพยากรธรณี ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล ยื่นหนังสือร้องเรียนบริษัทเอกชนขอสัมปทานระเบิดเหมืองหิน ในพื้นที่ จ.สตูล ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นอุทยานธรณีระดับโลกของประเทศไทย บริเวณภูเขา 3 ลูก ได้แก่ เขาลูกเล็กลูกใหญ่ อ.ทุ่งหว้า เขาจูหนุงนุ้ย อ.ละงู และเขาโต๊ะกรัง อ.ควนโดน และ อ.ควนกาหลง ว่า
- กรณีการขออนุญาตทำเหมืองหิน อ.ควนโดน และ อ.ควนกาหลง เป็นการขอนุญาตทำเหมืองหินที่อยู่นอกพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูล และกรณีเขาลูกเล็กลูกใหญ่ อ.ทุ่งหว้า และเขาจูหนุงนุ้ย อ.ละงู เป็นการขออนุญาตทำเหมืองหินในพื้นที่อุทยานธรณีโลกสตูล สามารถดำเนินการได้ทั้ง 2 กรณี แต่ต้องไม่กระทบต่อแหล่งธรณีวิทยาที่สำคัญ หรือพื้นที่นั้นต้องไม่เป็นแหล่งธรณีวิทยา หรือแหล่งประเภทอื่น ๆ
ทั้งนี้ การขออนุญาตประกอบกิจการและการทำเหมืองต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยแร่อย่างเคร่งครัด โดยต้องมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนในพื้นที่ตามหลักการที่กฎหมายกำหนด และกรณีที่พบซากดึกดำบรรพ์ที่สำคัญต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองซากดึกดำบรรพ์ พ.ศ.2551
- อุทยานธรณีโลกสตูล ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ทุ่งหว้า อ.มะนัง อ.ละงู และ อ.เมือง กรณีการขอขยายพื้นที่อุทยานธรณี ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของอุทยานธรณีโลก ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) คือ กำหนดให้อุทยานธรณีโลกใด ๆ ที่จะขอขยายพื้นที่ออกไปนั้น พื้นที่ที่จะขยายจะต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมดที่เคยประกาศไว้ โดยต้องทำเรื่องเสนอไปที่ยูเนสโก
ทั้งนี้ ต้องมีเหตุผลรองรับที่เพียงพอ เช่น การค้นพบแหล่งที่มีความสำคัญทางธรณีวิทยาอื่น หรือแหล่งที่สำคัญอื่น ๆ หรือเหตุผลในเชิงการบริหารจัดการ ซึ่งหากมีการขอขยายพื้นที่เพิ่มเติม จะเป็นการดำเนินการเหมือนการสมัครขอรับการรับรองใหม่ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการไม่ได้รับการรับรองเป็นอุทยานธรณีโลก หากมีเหตุผลไม่เพียงพอ ซึ่งสภาอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกจะมีการพิจารณาในการประชุม ช่วงเดือน ก.ย.ของทุกปี