วันนี้ (28 มี.ค.2565) นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการ เกษตรไทย กล่าวว่า แม่ปุ๋ยทั้งหลายขาดแคลนมากน้อยแตกต่างกันไป โดยสงครามรัสเซียยูเครนทำให้ แม่ปุ๋ยที่จะนำมาผลิตเป็นปุ๋ยสูตรต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นมา เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2564
อย่างยูเรีย เพิ่มจาก 360 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเป็น 1000 ดอลลาร์สหรัฐ แอมโมเนียมซัลเฟต สูตร 21-0-0 ขึ้นจาก 180 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 400ดอลลาร์สหรัฐ , ฟอสเฟต 18-46-0 จาก 570 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1164 ดอลลาร์สหรัฐ และ โปรแตส ให้ความหวาน 0-0-60 256 ดอลลาร์สหรัฐ วันนี้อยู่ที่ 750 ดอลลาร์สหรัฐ
ในแต่ละปี ไทยนำเข้าปุ๋ยกว่า 5 ล้านต้น โดยนำเข้ามาจาก จีน ซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย กับเบลารุส เป็นอันดับที่ 3 ด้วยมูลค่ากว่า 70,000 ล้านบาท
สิ่งที่เป็นห่วงคือ ในขณะนี้กรมการค้าภายใน กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบสต๊อกของเอกชน ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ แต่หากดูจากสัญญาณในตลาดโลกที่ราคาสูงขึ้น และบริษัทผู้ผลิตขนาดใหญ่ เช่น ยาร่า ประกาศลดกำลังการผลิตลง เหลือการส่งออกยูเรียที่ 40 เปอร์เซ็นต์
เมื่อมาประกอบกับขั้นตอนการตรวจสอบ และนำเข้าของรัฐ อาจจะทำให้การสั่งซื้อปุ๋ยไม่ทันกับการเริ่มต้นเพาะปลูกของเกษตรกรในเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ขณะที่การตรึงราคาขายในประเทศ ต้นทุนปรับขึ้นมากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผู้ค้าปุ๋ยเคมีบางราย ชะลอนำเข้า เพราะประสบปัญหาขาดทุน
ก่อนหน้านี้ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมการค้าภายใน ได้หารือกับผู้ประกอบการปุ๋ยเคมีของไทย เพื่อพิจารณาสถานการณ์การผลิตและจำหน่าย รวมถึงการปรับขึ้นราคาขายตามที่ผู้ค้าร้องขอ หลังพบว่าต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นจริง ซึ่งการอนุญาตให้ขึ้นราคา จะพิจารณาให้เป็นรายๆและเป็นแต่ละสูตร เนื่องจาก ต้นทุนแตกต่างกัน