วันนี้ (29 เม.ย.2565) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำหลักฐานที่ระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม น.ส.ภัทรธิดา พัชระวีรพงษ์ หรือแตงโม จากบุคคลที่อยู่บนเรือสปีดโบ๊ต จนทำให้เสียชีวิต มามอบให้กระทรวงยุติธรรมเพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับสอบสวนเป็นคดีพิเศษ และดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่อยู่บนเรือ
นายอัจฉริยะ ยังได้นำภาพถ่ายที่ระบุว่า เป็นบาดแผลของบุคคลที่ถูกใบพัดเรือบาดเข้าที่ขา ซึ่งต่างจากหลักฐานที่ตำรวจภูธรภาค 1 นำมาแสดง รวมทั้งข้อสงสัยในหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจ ที่ไม่มีรอยนิ้วมือการจับขาของนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน ตามคำกล่าวอ้างว่าแตงโมมาจับขาก่อนตกเรือ ขณะเดียวกันยังมีความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายคน เช่น แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่มาให้ความเห็นถึงการเสียชีวิต ส่วนหลักฐานสำคัญคือทรายที่อยู่ในมือของแตงโม และที่ตรวจพบในรองเท้าของบุคคลบนเรือ ก็เห็นว่าพนักงานสอบสวนไม่ให้ความสำคัญ รวมทั้งยังเชื่อว่าบาดแผลที่ต้นขาของแตงโมเกิดจากของมีคม ไม่ใช่ใบพัดเรือ
นายอัจฉริยะ ยังยืนยันว่าหลักฐานที่นำมามอบให้กับกระทรวงยุติธรรมนั้น พร้อมที่จะยอมรับผลที่ตามมาหากไม่เป็นความจริง สามารถฟ้องร้องกลับได้ ส่วนกรณีที่ออกมาเคลื่อนไหวในคดีนี้เพื่ออยากให้ความยุติธรรมกับแตงโม ซึ่งเป็นคดีอาญาแผ่นดินที่สามารถดำเนินการได้ และอยากให้เป็นคดีตัวอย่างในอนาคต พร้อมเชื่อว่าดีเอสไอจะสามารถคลี่คลายคดีนี้ได้
นอกจากนี้ ยังได้ยื่นหนังสือให้แพทยสภาตรวจสอบการทำงานของแพทย์นิติเวช ผู้ชันสูตรศพของแตงโม เกี่ยวกับการให้ความเห็นบาดแผลว่า ตรงตามความเป็นจริงหรือไม่ หากพบว่าไม่ถูกต้องก็จะมีความต่อวิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากการวินิจฉัยไม่ถูกต้อง
ในสำนวน ตร. จำนวนบาดแผลไม่ตรงกับแพทย์ชันสูตร
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังจากรับหนังสือแล้วก็จะส่งให้ดีเอสไอนำไปตรวจสอบและนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาว่าจะสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ หากยึดตามประเด็นที่นายอัจฉริยะยื่นให้ตรวจสอบคดีฆาตกรรม ยังมีอายุความ 20 ปี ซึ่งหากพบว่ามีหลักฐานจริงตามที่ยื่นมาให้ตรวจสอบ ดีเอสไอก็จะรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษได้ ในคดีนี้หากพบว่ามีคนทำให้แตงโมเสียชีวิตจากการฆาตกรรม ก็จะต้องมีผู้ถูกดำเนินคดีตามข้อหาดังกล่าวได้
ส่วนร่องรอยบาดแผลของแตงโม ตามที่ตำรวจภูธรภาค 1 สรุปก่อนส่งอัยการที่ระบุว่ามี 26 บาดแผลนั้น ขัดแย้งกับรายงานผลการตรวจของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ได้ชันสูตรศพรอบสอง โดยรายงานของแพทย์ระบุว่ามี 22 บาดแผล ส่วนบาดแผลใหญ่ที่ต้นขา การตรวจของสถาบันฯ ไม่ได้ระบุถึงการถูกใบพัดเรือหรือไม่ แต่ระบุว่าเกิดจากวัตถุกึ่งมีคม และเกิดก่อนเสียชีวิต เพราะทางสถาบันฯ มีอำนาจการตรวจเฉพาะคำร้องขอจากญาติ และเป็นเพียงจิ๊กซอว์หนึ่งของการตรวจพิสูจน์เท่านั้น ส่วนพนักงานสอบสวนจะนำไปประกอบสำนวนหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ
ขณะที่ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล และนายนิติธร ล้ำเหลือ ได้ยื่นให้ดีเอสไอรับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ ตรวจสอบแล้วยังไม่เข้าองค์ประกอบ เนื่องจากอำนาจการสอบสวนของตำรวจเสร็จสิ้นแล้ว แต่กรณีที่นายอัจฉริยะมายื่นอีกครั้ง เป็นประเด็นใหม่ทางคดีที่ระบุว่าเป็นการฆาตกรรมซึ่งขัดแย้งกับตำรวจ ก็จะสามารถสอบสวนได้ หากคณะกรรมการคดีพิเศษรับ หรือหากอัยการตีกลับสำนวนให้สอบสวนใหม่ ดีเอสไอก็มีอำนาจในการเข้าไปร่วมสอบสวน ซึ่งหากพยานหลักฐานที่นายอัจฉริยะยื่นเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมชัดเจน ก็จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม