วันที่ 4 พ.ค.2565 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงภาวะหมดไฟในการทำงาน (burnout syndrome) ว่า ไม่ใช่โรคซึมเศร้า แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในการทำงาน
3 อาการหลัก
- รู้สึกสูญเสียพลังงาน มีภาวะอ่อนเพลียเวลาทำงาน
- มีความรู้สึกต่อต้านและมองตนเองในทางลบ ขาดแรงจูงใจในการทำงาน
- มีปฏิสัมพันธ์ในการทำงานที่แย่ลง
คนทำงานอาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหมดไฟหากรู้สึกว่า ภาระงานหนัก ต้องทำในเวลาเร่งรีบ, ขาดอำนาจในการตัดสินใจ และมีปัญหาการเรียงลำดับความสำคัญของงาน, ไม่ได้รับการตอบแทน หรือรางวัลที่เพียงพอต่อสิ่งที่ได้ทุ่มเทไป, รู้สึกไร้ตัวตนในที่ทำงาน หรือไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีม, ไม่ได้รับความยุติธรรม ขาดความเชื่อใจ, ระบบบริหารในที่ทำงานที่ขัดต่อคุณค่าและจุดมุ่งหมายในชีวิตของตนเอง หากคนทำงานเริ่มมีอาการเศร้า หดหู่ เบื่อหน่ายสิ่งรอบตัว รู้สึกทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิต หรือมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ
หากไม่ได้จัดการภาวะ BURNOUT จะมีผลด้านจิตใจ สูญเสียแรงจูงใจ หมดหวัง ส่งผลให้มีอาการของภาวะซึมเศร้าและนอนไม่หลับได้, ผลด้านร่างกาย อาจพบอาการเหนื่อนล้าเรื้อรัง ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ และผลต่อการทำงาน อาจขาดงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง อาจคิดเรื่องลาออกในที่สุด
6 วิธีรับมือภาวะ "BURNOUT"
- พยายามแบ่งย่อยงาน หากงานที่ต้องทำยากและลำบากที่จะเริ่มต้น ให้ลองแบ่งย่อยเป็นส่วน ๆ ที่ง่ายกว่า และให้เครดิตตัวเองในการทำให้เสร็จ
- ให้ตัวเองรู้สึกบวกบ้าง ใช้เวลาว่างเพื่อคิดเรื่องดี ๆ ในชีวิต พยายามเขียนสิ่งที่รู้สึกขอบคุณอย่างน้อย 3 อย่างในแต่ละวัน
- ท้าทายความคิด เริ่มโดยมีสติสำรวจความคิดทางลบที่เกิดขึ้นต่องานที่ทำอยู่ ตรวจสอบความเป็นไปได้ของความคิดเชิงลบ เชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถทำได้ หรือทำได้เต็มที่แล้ว และปรับความคิดให้เป็นบวกมากขึ้น
- กระฉับกระเฉงให้มากขึ้น ความกระตือรือร้นสามารถช่วยเผาผลาญพลังงานลบในสมองได้ แม้จะไม่ทำให้ความเครียดหายไปทันที แต่ทำให้เครียดน้อยลงได้
- วางแผนล่วงหน้า จัดการกิจกรรมตึงเครียดที่กำลังจะเกิดขึ้น เช่น รายการสิ่งที่ต้องทำ การเดินทาง และสิ่งที่ต้องใช้งาน
- คุยกับใครสักคน เช่น เพื่อนที่ไว้ใจได้ สมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323
อย่างไรก็ตาม หากคนทำงานเริ่มมีอาการเศร้า หดหู่ เบื่อหน่ายสิ่งรอบตัว รู้สึกทุกข์ทรมานกับการใช้ชีวิต หรือมีความคิดไม่อยากมีชีวิตอยู่ ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคซึมเศร้า แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญ