"เข้าถึงง่าย ติดดิน ทำงานมีประสิทธิภาพ" คือคำนิยามตัวตนของ “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 8 ย้อนกลับไป 10 ปี ก่อนที่จะมีแฟนด้อม “ชา ดา ดั๊ด” หรือกลุ่มแฟนคลับ เหมือนโชคชะตาพลิกชีวิต เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยติดโพลล์ รัฐมนตรีโลกลืม ประชาชนแทบไม่รู้จัก ทั้งที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เพราะรูปถ่ายถือถุงแกง ใส่ชุดวิ่ง เดินเท้าเปล่า ระหว่างรอใส่บาตรที่วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิต ทำให้เขาได้รับฉายาเป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
เขาคงมองรัฐมนตรีอยู่บนหอคอย มีหัวโขน คนมาเดินเท้าเปล่า อาจจะทำให้เห็นว่าไม่มีช่องว่างเหมือนกับเพื่อนที่ขำได้ Facebook เราก็มีคนมาดูเยอะขึ้น ทำให้สื่อสารง่ายขึ้น ด้วยความเป็นตัวเราที่ยังวิ่ง ยังใส่บาตรอยู่ ไม่ใช่เรื่องเฟกหรือไม่จริง
"ชัชชาติ" ใช้จังหวะนี้ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เวลานั้นมีคนเข้ามาติดตามเฟซบุ๊กรู้จักตัวตนและคู่แฝด รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้แฝดพี่ได้รับฉายาหมอที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีเช่นเดียวกัน
แพลตฟอร์มออนไลน์จึงกลายเป็นช่องทางสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ และทำให้ป้ายหาเสียงผู้ว่าฯ กทม.ของเขา มีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับผู้สมัครคนอื่น ๆ พร้อมกับความตั้งใจที่จะให้ป้ายสามารถนำมาหมุนเวียนใช้ใหม่ มีขนาดเล็กลง เพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพ นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ของการติดป้ายหาเสียงเลือกตั้งในเมืองไทย
ป้ายหาเสียงไปเห็นที่ต่างประเทศเขาทำป้ายเล็กปักบนสนามไม่มีป้ายใหญ่ จึงให้ทีมไปออกแบบแล้วทำมาได้ดี ส่วนรถ EV แต่ก่อนใช้รถกระบะปล่อยควัน เราจะมาดูแลกรุงเทพฯ ยังจะปล่อยมลพิษไม่ได้ ก็เลยลองเปลี่ยนมาเป็นรถ EV
ที่ผ่านมา ชัชชาติ เคยทำงานวิศวกร อาจารย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เคยถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2562 แต่การที่เขาถูกยกย่องให้เป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่ง หลายคนที่รู้จักชัชชาติบอกว่า ไม่ใช่เพียงภาพไวรัลถือถุงแกงเท่านั้น แต่อาจจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิต และทำได้สำเร็จ คือ สามารถทำให้ “แสนดี” หรือ แสนปติ สิทธิพันธุ์ ลูกชายวัย 20 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นผู้พิการทางการได้ยินตั้งแต่กำเนิดพูดได้อีกครั้ง
แสนดีเขาเป็นเด็กหูหนวก ตอนที่เรารู้พยาบาลบอกให้ไปฝึกภาษามือ แต่เราไม่ยอมแพ้ หาข้อมูลค้นคว้างานวิจัย สุดท้ายพาเขาไปผ่าตัดที่ต่างประเทศ ไปฝึกพูด จนฟังได้เหมือนเด็กปกติ ด้วยการพูดภาษาอังกฤษ และจะเรียนจบปริญญาตรีเดือนหน้าแล้ว
ชัชชาติ กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า นี่คือสิ่งที่ยากและภูมิใจที่สุดที่ครอบครัวไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ต่อสู้เพื่อให้ "แสนดี" ฟังได้ และใช้ชีวิตได้ปกติ การทำสิ่งนี้ได้สำเร็จ นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะว่ารัฐมนตรีอาศัยโชคหลายอย่าง แต่ชัชชาติบอกว่า "การสู้ตรงนี้ เราทำด้วยตัวเองจริง ๆ และมันก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น"
การลงสู้ศึกชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ "ชัชชาติ" ตัดสินใจลงในนามอิสระ ไม่สนการเมืองใหญ่ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาคนกรุงฯ โดยเตรียมตัวมานานกว่า 2 ปี แม้จะต้องลงแข่งกับผู้สมัครหลายคนที่สวมเสื้อพรรคการเมืองใหญ่หนุนหลัง ก็ไม่ได้ทำให้เขากังวล ทำให้นาย พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่ากรุงเทพมหานคร "กลุ่มมดงาน" ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะทำงาน ร่วมคิดและออกแบบนโยบาย เพราะเชื่อมั่นว่า "ชัชชาติ คือ คนจริง"
แม้ที่ผ่านมา ชัชชาติ จะอยู่ในแวดวงการเมือง และจะแยกออกมาเป็นอิสระกว่า 2 ปีแล้ว แต่ครอบครัวกลับไม่ได้สนับสนุนมากนัก โดยเฉพาะแม่ที่กังวลใจว่า ลูกชายจะได้รับอันตราย แต่เพราะเขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจ และอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียว มีคุณภาพชีวิตที่ดีในเมืองกรุงฯ เขาจึงตัดสินใจสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. กำหนดนนโยบายจากลูกชายที่เป็นคนรุ่นใหม่ เกิดเป็น 200+ นโยบาย ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน