พิธีทางออนไลน์จะจัดขึ้นในวันที่ 25 พ.ค.2022 เวลา 17.00 น. ตามเขตเวลาออมแสงแปซิฟิก (PDT) ดำเนินรายการโดย Jane Fonda พร้อมแขกรับเชิญที่จะมาบรรเลงเพลง Angelique Kidjo และคณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนจากดีทรอยด์ และการปรากฏตัวของแขกรับเชิญพิเศษ ดร. Jane Goodall
ซานฟรานซิสโก, 25 พฤษภาคม 2022 วันนี้ มูลนิธิ Goldman Environmental Foundation ได้ประกาศผู้รับรางวัลเจ็ดท่านสำหรับรางวัล Goldman Environmental Prize ประจำปี 2022 ซึ่งเป็นรางวัลที่สำคัญที่สุดสำหรับนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมระดับรากหญ้า
รางวัล Goldman Environmental Prize มอบรางวัลให้กับวีรบุรุษและวีรสตรีด้านสิ่งแวดล้อมจากแต่ละทวีปในหกทวีปทุกปี เพื่อเชิดชูเกียรติแด่ความสำเร็จและความเป็นผู้นำของนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมระดับรากหญ้าจากทั่วโลก ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนลงมือทำเพื่อปกป้องโลกของเรา
รางวัลนี้ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 1989 ในซานฟรานซิสโกโดยนักการกุศลและผู้นำพลเมือง Rhoda และ Richard Goldman ตลอดช่วงเวลา 33 ปี รางวัล Goldman Environmental Prize ได้สร้างผลกระทบอย่างไม่อาจนับได้ต่อโลก และจนถึงวันนี้ รางวัล Goldman Environmental Prize ได้มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะรวมทั้งสิ้น 213 ท่านจาก 93 ประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้หญิง 95 ท่าน
“แม้ว่าความท้าทายมากมายที่อยู่ตรงหน้าเรา จะทำให้รู้สึกหวาดหวั่น และบางครั้งก็ทำให้เราสูญเสียศรัทธา แต่ผู้นำทั้งเจ็ดท่านเหล่านี้มอบเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรมีความหวัง และย้ำเตือนเราถึงสิ่งที่สามารถทำให้สำเร็จได้เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยาก” Jennifer Goldman Wallis รองประธานมูลนิธิ Goldman Environmental Foundation กล่าว
ผู้ชนะรางวัลได้แสดงให้เราเห็นว่า ธรรมชาติมีความสามารถที่จะฟื้นฟูได้อย่างน่าเหลือเชื่อหากได้รับโอกาส ทำให้เราทุกคนมีแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนเรื่องราวชัยชนะของบุคคลเหล่านี้ มาเป็นพลังที่ฟื้นฟูจิตวิญญาณของเราเองและลงมือปกป้องโลกของเราเพื่อคนรุ่นหลัง
ปกติแล้วผู้ชนะรางวัลจะมารับรางวัลด้วยตนเองในงานพิธีที่โอเปร่าเฮ้าส์ในซานฟรานซิสโก แต่เนื่องจากการระบาดใหญ่ ในปีนี้จึงจะมีการมอบรางวัลผ่านระบบเสมือน และออกอากาศทางออนไลน์ในวันที่ 25 พ.ค.2022 พิธีการมอบรางวัลนี้จะสตรีมบน YouTube, Facebook และ Twitter แขกทุกท่านสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมพิธีได้ที่นี่: rsvp.goldmanprize.org/2022
ผู้ชนะประจำปีนี้ได้แก่:
แอฟริกา
Chima Williams จากประเทศไนจีเรีย
หลังจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในประเทศไนจีเรีย นักกฎหมายสิ่งแวดล้อม Chima Williams จึงทำงานร่วมกับสองชุมชนเพื่อให้บริษัท Royal Dutch Shell ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม ที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
ในวันที่ 29 ม.ค.2564 ศาลอุทธรณ์ประจำกรุงเฮกได้ตัดสินว่า ไม่เพียงแต่บริษัทย่อยในประเทศไนจีเรียของ Royal Dutch Shell จะต้องรับผิดชอบสำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลเท่านั้น แต่ Royal Dutch Shell ในฐานะบริษัทแม่ก็มีภาระหน้าที่ที่จะต้องป้องกันเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่บริษัทข้ามชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์ถูกตัดสินให้ต้องรับผิดชอบสำหรับการละเมิดของบริษัทย่อยของตนในประเทศอื่น ทำให้ชุมชนทั่วประเทศไนจีเรียที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักเพราะความไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมของบริษัทสามารถฟ้องคดีกับ Shell ได้
เอเชีย
Niwat Roykaew จากประเทศไทย
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 การรณรงค์ของคุณนิวัฒน์ ร้อยแก้ว และชุมชนแม่โขง ส่งผลให้มีการยุติโครงการระเบิดแก่งแม่น้ำโขงตอนบนที่นำโดยประเทศจีน ซึ่งหากมีขึ้นจะทำลายแม่น้ำโขงเป็นระยะทาง 248 ไมล์เพื่อปรับร่องน้ำ สำหรับการเดินเรือของเรือสินค้าจีน ที่เดินทางไปปลายน้ำให้ลึกขึ้น แม่น้ำโขงไหลเป็นระยะทาง 3,000 ไมล์จากภูเขาในทิเบต ก่อนที่จะระบายออกในทะเลจีนใต้
ทำให้เกิดการประมงที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ แม่น้ำสายย่อย พื้นที่ชุ่มน้ำ และที่ราบน้ำท่วมถึง ซึ่งเป็นสายชูชีพที่สำคัญกับผู้คนมากกว่า 65 ล้านคน
นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลไทยสั่งยุติโครงการข้ามแดนโครงการหนึ่งเพราะการทำลายสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดจากโครงการนั้น
ยุโรป
Marjan Minnesma จากประเทศเนเธอร์แลนด์
ในชัยชนะอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนนี้ Marjan Minnesma ได้ใช้ความคิดเห็นของประชาชน ร่วมกับกลยุทธ์ด้านกฎหมายที่แตกต่างไม่เหมือนใคร เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตัดสินต่อรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้สำเร็จ ซึ่งคำตัดสินนี้กำหนดให้รัฐบาลต้องออกกฎหมาย ด้านมาตรการป้องกันการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างเฉพาะเจาะจง
โดยในเดือนธันวาคม 2019 ศาลฎีกาประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ตัดสินว่ารัฐบาลมีภาระหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องปกป้องพลเมืองของประเทศจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
และสั่งให้รัฐบาลลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากระดับที่พบในปี 1990 ลง 25 % ภายในสิ้นปี 2020 ซึ่งคำตัดสินของศาลฎีกาประจำประเทศเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นครั้งแรกที่ประชาชนประสบความสำเร็จ ในการทำให้รัฐบาลของตนรับผิดชอบสำหรับความล้มเหลวของรัฐบาลในการปกป้องประชาชนจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
หมู่เกาะและประเทศเกาะ
Julien Vincent จากประเทศออสเตรเลีย
Julien Vincent นำการรณรงค์ระดับรากหญ้าให้มีการตัดงบที่ให้กับอุตสาหกรรมถ่านหินในประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศส่งออกถ่านหินรายใหญ่ประเทศหนึ่งได้สำเร็จ
ส่งผลให้เกิดคำมั่นสัญญาจากธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดสี่แห่งของประเทศว่าจะหยุดให้เงินทุนกับโครงการถ่านหินภายในปี 2030 และเพราะการเคลื่อนไหวของ Julien บริษัทประกันภัยรายใหญ่หลายรายของประเทศออสเตรเลีย ก็ตกลงที่จะหยุดรับประกันภัยให้โครงการถ่านหินโครงการใหม่เช่นเดียวกัน
การดำเนินการของเขาก่อให้เกิดภูมิทัศน์ทางการเงินที่ท้าทายกับอุตสาหกรรมถ่านหินของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นก้าวที่สำคัญสู่การลดเชื้อเพลิงฟอสซิลที่เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเร็วขึ้น
อเมริกาเหนือ
Nalleli Cobo จากประเทศสหรัฐอเมริกา
Nalleli Cobo นำพันธมิตรในชุมชนให้เคลื่อนไหวเพื่อปิดสถานที่ขุดเจาะน้ำมันที่เป็นพิษในชุมชนของเธอได้อย่างถาวรในเดือนมีนาคม 2020 ด้วยวัย 19 ปี
นี่คือสถานที่ที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างร้ายแรงกับเธอและคนอื่น ๆ การดำเนินการอย่างต่อเนื่องของชุมชนของเธอ เพื่อต่อต้านการสกัดน้ำมันในเมืองได้ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวด้านนโยบายครั้งสำคัญ ทั้งภายในสภาเมืองลอสแอนเจลิส และคณะกรรมการกำกับดูแลเคาน์ตี้ลอสแอนเจลิส ซึ่งลงคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์เพื่อห้ามการสำรวจน้ำมันและยกเลิกสถานที่ที่มีอยู่
อเมริกาใต้และอเมริกากลาง
Alex Lucitante และ Alexandra Narvaez จากประเทศเอกวาดอร์
Alex Lucitante และ Alexandra Narvaez เป็นผู้นำการเคลื่อนไหวของชนพื้นเมืองเพื่อปกป้องดินแดนจากบรรพบุรุษของผู้คนจากการทำเหมืองทอง ความเป็นผู้นำของพวกเขาส่งผลให้ได้ชัยชนะทางกฎหมายที่จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ในเดือนตุลาคม 2018
โดยศาลของประเทศเอกวาดอร์ได้ยกเลิกการให้สัมปทานการทำเหมืองทองที่ผิดกฎหมาย 52 สัมปทาน ซึ่งได้ให้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากชุมชน Cofán ของพวกเขา ความสำเร็จด้านกฎหมายของชุมชนถือเป็นการปกป้องป่าฝนที่เก่าแก่และมีความหลากหลายทางชีวภาพขนาด 79,000 เอเคอร์ที่ต้นน้ำของแม่น้ำ Aguarico ของประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งถือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคน Cofán
สำหรับรางวัล Goldman Environmental Prize ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 โดยผู้นำพลเมืองและนักการกุศลผู้ล่วงลับในซานฟรานซิสโก Richard และ Rhoda Goldman ผู้ชนะรางวัลได้รับเลือกจากคณะกรรมการระดับนานาชาติจากการเสนอชื่ออย่างเป็นความลับโดยเครือข่ายองค์กรและผู้ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก