วันนี้ (14 มิ.ย.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สหภาพผู้ขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าในเกาหลีใต้ จัดการประท้วงเรียกร้องให้ภาครัฐแก้ปัญหาราคาเชื้อเพลิง และขอการประกันรายได้ขั้นต่ำของกลุ่มคนขับรถบรรทุก ซึ่งการประท้วงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา
แกนนำกลุ่มผู้ประท้วงเครือข่ายคนขับรถบรรทุกขนส่งในเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มกำลังพิจารณามาตรการปิดกั้นการส่งถ่านหินไปโรงไฟฟ้า หากรัฐบาลยังปฏิเสธข้อเรียกร้องประกันรายได้ขั้นต่ำ และอาจลุกลามไปถึงการปิดกั้นการขนส่งสินค้าเข้า-ออกนิคมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีต่างๆ โดยสิ้นเชิง
กลุ่มผู้ประท้วงต้องการให้ภาครัฐขยายระยะเวลาการให้เงินอุดหนุนช่วงโควิด-19 ที่เดิมมีกำหนดจะสิ้นสุดลงในปลายปี 2565 ซึ่งจะเป็นการการันตีรายได้ขั้นต่ำของพวกเขา ท่ามกลางราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น แต่รัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า การตัดสินใจเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับรัฐสภา เป็นเรื่องการปรับแก้กฎหมาย โดยรับปากจะช่วยผลักดันและขอให้กลับไปทำงาน
ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ชี้ว่ามีผู้เข้าร่วมการประท้วงไม่ต่ำกว่า 7,050 คน หรือประมาณ 32% ของสมาชิกสหภาพทั้งหมดที่มี 22,000 คน ขณะที่กระทรวงฯ ระบุว่าจะเดินหน้าเจรจาต่อไป หลังจากเจรจาแล้ว 4 รอบหาข้อสรุปกันไม่ได้
เกาหลีใต้มีผู้ประกอบอาชีพคนขับรถบรรทุก 420,000 คน แต่การประท้วงที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม ทั้งภาคการผลิตรถยนต์ เหล็กกล้า ปิโตรเคมี ท่าเรือและการส่งออก
หลายโรงงาน เช่น โรงงานผลิตเหล็กกล้า เมื่อผลิตสินค้ามาแล้วส่งออกไปไม่ได้ คลังสินค้าภายในจึงเต็มล้น ทำให้ต้องสั่งระงับการผลิต รวมถึงโรงงานผลิตรถยนต์เจ้าดังของเกาหลีใต้ที่ต้องระงับสายพานการผลิตบางส่วนเช่นกัน ยกตัวอย่าง โรงงานรถยนต์ฮุนไดที่อุลซาน ปกติผลิตรถได้วันละ 6,000 คัน แต่เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ยอดลดลงมากกว่า 3,800 คัน คิดเป็นมูลค่าควาามเสียหายมากกว่า 3,200 ล้านบาท
ล่าสุด กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีตัดลดการผลิตเช่นกัน เนื่องจากมีปัญหาด้านการขนส่ง เครือข่ายที่มีบริษัทเป็นสมาชิก 32 แห่งนี้ระบุว่า การส่งสินค้าออกจากโรงงานลดลงถึง 90%
สถานการณ์นี้ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ยื่นมือเข้ามาแก้ไข โดยส่งรถบรรทุกประมาณ 100 คันไปยังท่าเรือในเมืองปูซาน เพื่อช่วยเหลือบริษัทต่างๆ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเกาหลีใต้ประเมินมูลค่าความเสียหายสะสมถึงต้นสัปดาห์นี้ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 42,000 ล้านบาท ตัวเลขนี้รวมทั้งด้านการผลิตและการขนส่งที่ไม่เป็นไปตามกำหนด
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความกังวลเฉพาะต่อเกาหลีใต้ เพราะผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าจะส่งผลเป็นลูกโซ่ไปถึงห่วงโซ่อุปทานในโลก ที่กำลังเผชิญภาวะข้าวยากหมากแพง และเกาหลีใต้เป็นผู้ผลิตรายสำคัญทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โทรศัพท์มือถือ เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรีและอื่นๆ
ตัวเลขการส่งออกของเกาหลีใต้ลดฮวบ 12.7% ในช่วง 10 วันแรกของเดือน มิ.ย.นี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ส่งออกรถยนต์ลดลงมากกว่า 35% ส่งออกอุปกรณ์สื่อสารไร้สายลดลงกว่า 27%
บรรดาคนขับรถบรรทุก กล่าวว่า นี่คือการต่อสู้เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ เพราะหลายคนมองว่าน้ำมันแพง ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้พวกเขาแทบไม่มีสิทธิจะอยู่รอด แต่ธุรกิจใหญ่ๆ ผลักภาระนี้มายังผู้บริโภคอย่างเขาได้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ยังไม่มีทีท่าจะจบลง ถือเป็นความท้าทายอีกข้อต่อ ยุน ซอก ยอล ผู้นำคนใหม่ของเกาหลีใต้ที่เพิ่งรับตำแหน่งได้เดือนเศษๆ
อ่านข่าวอื่นๆ
ขั้วการเมืองสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงร่างกฎหมายคุมอาวุธปืน
ประท้วงอินเดียยืดเยื้อ ทางการรื้อบ้านนักเคลื่อนไหวมุสลิม
"ปักกิ่ง" พบคลัสเตอร์สถานบันเทิง ทางการเลื่อนเปิดเทอมคุมโควิด