วันนี้ (16 มิ.ย.2565) ความคืบหน้ากรณีเหตุเพลิงไหม้โรงงานรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ แม้ว่าจะเกิดเหตุตั้งแต่เช้า แต่ยังมีกลุ่มควันไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านใต้ทางลม บางส่วนเริ่มอพยพออกจากพื้นที่
นายประจักษ์ โชติช่วง อาจารย์โรงเรียนบ้านน้ำพุ ต.น้ำพุ อ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ขณะนี้กลุ่มควันยังไม่พัดมาที่โรงเรียน แต่ได้แจ้งเตือนให้เด็กนักเรียนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันกลุ่มควันที่อาจจะได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ และประสานงานกับหน่วยงานในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
เกาะติดสถานการณ์มาตลอดตั้งแต่เกิดเหตุ มีการประสานทางอบต.ไว้แล้วหากเกิดปัญหาต้องให้เด็กเลิกเรียน แต่ตอนนี้ยังไม่เกิดผลกระทบ
นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านหมู่ 1 ต.น้ำพุ ที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ถึง 2 กิโลเมตร มาเฝ้าติดตามสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อประเมินสถานการณ์รับมือ หากกลุ่มควันพัดมาใกล้พื้นที่หมู่บ้าน
นายไพฑูรย์ ปัตนา ชาวตำบลน้ำพุ อ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกิดไฟไหม้เกือบทุกปี แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ค่อนข้างรุนแรง
ชาวบ้านได้รับผลกระทบมา 7 ปีแล้ว และชาวบ้านได้รับผลกระทบมาตลอด และมีฟ้องร้องกันแต่ทางโรงงานยังอุทธรณ์คดี
จากข้อมูลพบว่าโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานรีไซเคิล และกำจัดกากอุตสาหกรรม เบื้องต้นพบว่ามีการถือใบอนุญาตถึง 9 ใบ และได้รับใบอนุญาตใบแรก ตั้งแต่ปี 2543 หนึ่งในนั้นคือการรีไซเคิลสีทาบ้าน เชื้อเพลิงทดแทน เศษกระดาษ เศษพลาสติก ซึ่งทำให้การควบคุมเป็นไปได้ยาก
เฝ้าระวังมลพิษจากโรงงานไฟไหม้รัศมี 1 กก.
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้โรงงานแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 54/1 ม.8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เกิดขึ้นตั้งแต่ 06.30 น.จากการตรวจสอบพบว่า เป็นโรงงานประเภทรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม (106) ที่อยู่ระหว่างการปิดปรับปรุงโรงงาน
เบื้องต้นบริเวณที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่โกดังเก็บกักกากอุตสาหกรรม ประเภทกากน้ำมัน และกากสี ประมาณ 1,000 ถัง ถังละ 200 ลิตร ขณะนี้ยังไม่สามารถดับได้ ยังมีเพลิงไหม้มีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการควบคุมเพลิง
ยังไม่พบปัญหาสาร VOCs-เร่งคุมเพลิง
นายอรรถพล กล่าวว่า นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์ และตรวจสอบ พร้อมบังคับใช้กฎหมายสถานประกอบการ ซึ่งอาจมีความผิดตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย และกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากโรงงานแห่งนี้ถูกให้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาผลกระทบกับชาวบ้าน แต่ยังมีการครอบครองวัตถุอันตรายเอาไว้จำนวนมาก
เบื้องต้นตรวจไม่พบสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดร เจนซัลไฟด์ (H2S) และจากข้อมูลการรายงานความเสียหายเบื้องต้น พบว่า อาคารโกดังจำนวน 2 หลังถูกไฟไหม้และโครงสร้างเสียหาย ยังไม่ได้รับรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ส่วนที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากชุมชนประมาณ 2 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังเข้าไปดับเพลิงไม่ได้เพราะยังไม่ปลอดภัย เนื่องจากมีสารเคมีในโรงงานจำนวนมาก
คพ.หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินมลพิษจากสารเคมี (UCER) ร่วมกับศปก.พล.ภาค 8 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมตรวจสอบไอระเหยของสารเคมีและก๊าซพิษ บริเวณพื้นที่ชุมชนท้ายลมในระยะ 0.7-1 กิโลเมตร
นอกจากนี้มีรายงานว่าในตัวอาคารยังมีถังสารเคมี ดังนี้ โรงงานผลิตสี 429 ลัง อาคารโกดัง 1,541 ถัง อาคารโรงงานช่อม และล้างถังด้วยตัวทำละลาย 4,234 ถัง