ความคืบหน้ากรณีทหารเมียนมาใช้เครื่องบินรบ บินรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย เพื่อโจมตีกลุ่มกะเหรี่ยงพื้นที่ชายแดน ติดกับอ.พบพระ จ.ตาก ทำให้วันนี้ โรงเรียน 2 แห่งในพื้นที่ต้องปิดการเรียนการสอนเพื่อความปลอดภัย
วันนี้ (1 ก.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่โรงเรียนบ้านวาเล่ย์ใต้ และบ้านวาเล่ย์เหนือ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก เงียบเหงา หลังจากมีการสั่งปิดโรงเรียนเพื่อความปลอดภัย และจะเปิดเรียนตามปกติในวันที่ 4 ก.ค.นี้ หลังจากเมื่อวานนี้ (30 มิ.ย.) ทหารเมียนมาใช้เครื่องบินล้ำเข้ามาในเขตไทยเพื่อเข้าไปโจมตีฝ่ายต่อต้าน ซึ่งประกอบด้วยทหารเคเอ็นยู กลุ่มพีดีเอฟ และทหารเคเอ็นดีโอ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างแตกตื่นให้กับประชาชน ส่วนโรงเรียนต้องให้เด็กเข้าไปหลบพื้นที่หลบภัย และแจ้งผู้ปกครองให้มารับนักเรียนกลับบ้าน
ล่าสุด มีผู้หนีภัยชาวกะเหรี่ยงเข้ามาในฝั่งไทยกว่า 1,000 คน ส่วนหนึ่งไปอาศัยอยู่ที่วัดในหมู่บ้านที่ทางเจ้าหน้าที่จัดไว้ และบางส่วนไปอาศัยอยู่ตามตะเข็บชายแดน ชาวบ้านจากที่หนีภัยคนหนึ่งที่มาจากฝั่งเมียนมา บอกว่า ขณะนี้มีชาวบ้านและทหารทั้ง 2 ฝ่ายเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังฝ่ายทหารเมียนมาส่งเครื่องบินเข้ามาโจมตี ทำให้ชาวบ้านต้องหนีมาอยู่ตามตะเข็บชายแดนเพื่อความปลอดภัย
มีรายงานว่า ฝ่ายต่อต้านทหารเมียนมาสามารถยึดอาวุธปืนและกระสุนปืน รวมทั้งยุทโธปกรณ์ต่างๆของทหารเมียนมาได้จำนวนมาก หลังสามารถยึดค่ายอูเกรทะ อ.สุวารี จ.เมียวดี ประเทศเมียนมาได้ ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดกับชายแดน ขณะนี้ยังไม่ทิ้งหมู่บ้านไปไหน แต่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะเกรงว่าเมียนมาจะส่งเครื่องรบเข้ามาโจมตีอีก
อ่านข่าวเพิ่ม ระทึก! เครื่องบินรบเมียนมาล้ำแดนไทย ชาวบ้าน-นักเรียนหนีวุ่น
สมช.กำชับพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา
พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า การสู้รบในเมียนมาอยู่ในพื้นที่ชายแดน หากติดตามข่าวจะเห็นว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่แคบๆ ที่เป็นจงอยยื่นเข้าไปในฝั่งของเมียนมา ที่ผ่านมามีการสู้รบอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานที่รับผิดชอบคือกองทัพอากาศ กองทัพบก กระทรวงกลาโหม ก็เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวตลอดเวลาและติดตามอย่างใกล้ชิด ในส่วนที่ต้องกำชับเพิ่มเติมคือให้ทุกหน่วยเฝ้าระวังมากขึ้น
ทั้งนี้ ความขัดแย้งไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างไทยกับเมียนมา แต่เป็นเรื่องภายในประเทศของเมียนมา ส่วนผู้หนีภัยสงครามทะลักเข้ามา มีการเตรียมรับมือเพราะเกิดขึ้น 4-5 ครั้งในรอบปี ทุกหน่วยก็มีการปรับการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พล.อ.สุพจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนการประสานกับเมียนมาเพื่อไม่ให้ลุกล้ำเข้ามาในไทย ยืนยันมีการประสานทุกระดับ ทั้งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ รววมทั้งการประสานของหน่วยในระดับพื้นที่ ระดับกองทัพภาค ระหว่างกองทัพอากาศด้วยกัน ทูตกับทูต ทั้งทูตทหารและทูตปกติ มีการพูดคุยชัดเจน
ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ออกเอกสารชี้แจง
ขณะที่ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา ออกเอกสารชี้แจงสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ จ.ตาก ว่า วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณบ้านอุเกรทะ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี ด้านตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ลึกเข้าไปในฝั่งเมียนมา ประมาณ 1 กม.
ทหารเมียนมาได้ใช้อากาศยานสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ ปัจจุบันการปะทะได้ยุติลงแล้วเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. ทั้งนี้การปะทะของทั้ง 2 ฝ่าย มีกระสุนไม่ทราบชนิดและไม่ทราบฝ่ายข้ามมาตกยังฝั่งไทย บริเวณไร่ปาล์ม บ้านวาเล่ย์เหนือ หมู่ 3 ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ ส่งผลให้ยานพาหนะของประชาชนได้รับความเสียหาย
จากนั้นเมื่อเวลา 11.59 น.วันเดียวกัน กองทัพอากาศไทยตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนเข้ามายังฝั่งไทย บริเวณ อ.พบพระ จ.ตาก จึงมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่แบบที่ 19 หรือ F-16 จำนวน 2 ลำ ขึ้นบินลาดตระเวนรบในบริเวณดังกล่าว เพื่อปฏิบัติภารกิจป้องกันภัยทางอากาศ
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองกำลังนเรศวรได้แจ้งเตือนและทำหนังสือประท้วงไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย-เมียนมา (TBC) และกองทัพอากาศ ได้สั่งการให้ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศ ประจำสถานเอกอัครทูต ณ ย่างกุ้ง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเมียนมา แจ้งเตือนและหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต กองกำลังนเรศวร และกองทัพอากาศ พร้อมตอบโต้หากมีการรุกล้ำอธิปไตย หรือมีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนไทย
ปัจจุบันมีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาเดินทางเข้ามายังฝั่งไทย 855 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ 2 แห่ง คือ บ้านมอเกอร์ไทย ผู้หนีภัยยอดเดิม 281 คน เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 26 คน และสมัครใจเดินทางกลับเมียนมา 2 คน ยอดคงเหลือ 305 คน และบ้านวาเล่ย์เหนือ เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 550 คน
ศูนย์สั่งการชายแดน จ.ตาก ได้ติดตามสถานการณ์ในฝั่งเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชน์ไทย พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางเข้าไปพื้นที่ดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย รวมถึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนและทุกภาคส่วนตรวจสอบข่าวสาร ข้อเท็จจริง ก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง ได้จากการแถลงข่าวประจำวันของศูนย์สั่งการชายแดน จ.ตาก
เลขาฯสมช.สั่งจับตาชายแดนไทย-เมียนมา หลังทหารเมียนมาใช้เครื่องบินรบ บินรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย เพื่อโจมตีกลุ่มกะเหรี่ยงพื้นที่ชายแดน ติดอ.พบพระ จ.ตาก วันนี้ โรงเรียน 2 แห่งในพื้นที่ ต้องปิดเรียนเพื่อความ ปลอดภัย #ThaiPBSnews pic.twitter.com/8frTyqzUBE
— Thai PBS News (@ThaiPBSNews) July 1, 2022
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุว่า เหตุการณ์เครื่องบินรบเมียนมารุกล้ำชายแดนไทยที่ อ.พบพระ จ.ตาก ได้ประสานงานไปแล้ว และขออย่าขยายความเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะไทยยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องมีการพูดคุยหารือกัน
พร้อมย้ำว่า ไทยยังมีสมรรถนะที่เพียงพอในการป้องกันอธิปไตย นอกจากนี้ต้องเตรียมความพร้อมการรักษาอธิปไตยให้มีความเข้มแข็งและทันสมัย