วันนี้ (5 ก.ค.2565) ร้านขายข้าวน้ำพริกปลาทูภายในตลาดนัดกระทรวงพาณิชย์ ขึ้นป้ายแจ้งปรับราคาจำหน่ายเพิ่มกล่องละ 10 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังต้นทุนสินค้า หลายรายการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยระบุว่า ขายอาหารกล่องละ 40 บาทมาหลายปี แต่ครั้งนี้แบกต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว แต่หากต้นทุนกลับมาถูกลงก็จะลดราคาให้ลูกค้า
ขณะที่ตลาดสดท่าน้ำนนท์ พบว่า แม่ค้าบางร้านขึ้นป้ายแจ้งลูกค้าปรับราคาเช่นกัน อย่างร้านขายขนม ขอปรับราคาจากเดิมเคยขายกล่องละ 15 บาท เป็น 17 บาท เพื่อให้คุ้มกับต้นทุน ที่ปรับขึ้นเกือบทั้งหมด รวมทั้งราคาก๊าซหุงต้ม
หมวดอาหารสด พบว่าราคาสูงขึ้นเช่นกัน เช่น เนื้อไก่ หากเป็นเนื้ออกอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท เนื้อสันกิโลกรัมละ 110 บาท ส่วนซี่โครงไก่ก็ปรับเพิ่มจากกิโลกรัมละ 25 บาท เป็น 45 บาท ส่วนหมูเนื้อแดง อยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท ส่งผลทำให้แม่ค้าขายของได้น้อยลง
ส่วนผักก็ปรับขึ้นราคา ต้นหอม 3 ต้นขายกำละ 10 บาท หากขายเป็นกิโลกรัมจะอยู่ที่ 180-190 บาท ส่วนผักชี 190-200 บาทต่อกิโลกรัม แม่ค้าต้องแบ่งขายเป็นต้นมัดเล็ก ๆ เพื่อให้ลูกค้าพอซื้อได้ 5-10 บาท
ผู้บริโภคบางคน บอกว่า มาจ่ายตลาดแต่ละครั้งต้องมีเงินไม่ต่ำกว่า 500 บาท จึงต้องการให้รัฐดูแลราคาสินค้าเพราะค่าใช้จ่ายสูงทั้งค่าอาหาร และค่าเดินทาง
กระทรวงพาณิชย์ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป หรือ อัตราเงินเฟ้อ เดือน มิ.ย.ยังคงสูงขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 7.66 เนื่องจากสินค้ากลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาสูงขึ้น ร้อยละ 39.45 ค่าไฟฟ้า ร้อยละ 45.41 และราคาก๊าซหุงต้ม ร้อยละ 12.63 ส่วนกลุ่มอาหารพบว่าราคาสูงขึ้น ร้อยละ 6.42
สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั้งปี ยังคงประเมินในกรอบร้อยละ 4.5-5 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยทั้งราคาน้ำมัน สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 10 ส.ค.นี้ ว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหรือไม่