เป้าหมายหลักของฝ่ายค้าน ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยที่ 2 ครั้งสุดท้าย 19-23 กรกฎาคม 2565 ไม่ได้หวังคว่ำรัฐบาลกลางสภา
เพราะแม้จะมีระดับแกนนำพรรคเพื่อไทย ขู่เช้าขู่เย็นว่า จะมีรัฐมนตรีถูกสอย 1-2 คน แต่ในทางปฏิบัติ พอประเมินได้ว่าเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะประคองมาได้ถึง 7 ปี ผ่านปัญหาอุปสรรคมากมาย ไม่นับโดนซักฟอกมาหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้ตลอด ดังนั้นครั้งสุดท้าย รัฐบาลจะปล่อยให้ตกม้าตายได้อย่างไร
ที่สำคัญ การซักฟอกครั้งสุดท้าย ก่อนนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งใหม่นั้น ในทางการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น ความเกรงกลัวหรือเกรงใจไม่มีแล้ว เมื่อทั้งหมดต่างโฟกัสไปที่การเลือกตั้งครั้งหน้า จึงชัดเจนว่า จะได้เห็นส.ส.งูเห่า หรือ ส.ส.ฝากเลี้ยง หรือ ส.ส.เตรียมย้ายค่ายเปลี่ยนโปร เกิดขึ้นในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้แน่นอน
สำหรับกลุ่มพรรคเล็ก หรือกลุ่ม 16 ที่มีแต่ข่าวนัดกินข้าวเย็นกับฝ่ายรัฐบาลบ้าง ฝ่ายค้านบ้าง ร.อ.ธรรมนัส (พรหมเผ่า) บ้าง แต่ท้ายที่สุด มีแนวโน้มสูงที่จะโหวตสนับสนุนให้กับรัฐบาล หลังจากล่าสุด ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ แล้วโดนกล่อมให้โหวตเลือกฝ่ายรัฐบาล
เพราะแม้การเลือกตั้งตามกติกาใหม่ บัตร 2 ใบ และสูตรคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้จะหารด้วย 500 แต่ยังมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้ ส.ส.อยู่ดี เพราะ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะมีแค่ 100 คน ไม่ใช่ 150 คน
ดังนั้น ตัวเลขขั้นต่ำโดยเฉลี่ยหาค่ากลาง อาจไม่ใช่ 7 หมื่นเสียง แต่อาจสูงถึง 1 แสนเสียง โอกาสที่จะโหวตสวนรัฐบาล ไม่น่าจะเป็นไปได้
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส ต้องลุ้นการเจรจาขอแบ่งเวลาอภิปรายจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะได้มากน้อยแค่ไหน และแม้จะถึงได้ ก็คงไม่ได้เวลามากนัก เนื่องจากแต่ละพรรคที่ได้รับจัดสรรเวลาก็จะกระจายให้กับ ส.ส.ของพรรคไปแล้ว การจะตัดทอนหรือลดเวลาลงคงเป็นเรื่องยาก
เพราะการอภิปรายวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแบบไม่นับญาติ จะเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ จึงไม่มีส.ส.คนไหนอยากพลาดโอกาส การอภิปรายให้ชาวบ้านในพื้นที่ที่ตนเป็นส.ส.ได้เห็น
ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ฝ่ายค้านต้องการขย่มการบริหารงานล้มเหลวของรัฐบาลให้บอบช้ำที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นฝ่ายได้เปรียบในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อยังมีชนักติดหลังอยู่
ญัตติซักฟอกรัฐบาลครั้งนี้ ยังจะเป็นภาพสะท้อนการเมืองไทยว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร หากมีการเจรจาหรือประสานประโยชน์กันได้ลงตัว ร.อ.ธรรมมนัส ไม่ว่าจะได้รับจัดสรรเวลาซักฟอกแค่ไหนอย่างไร วันนี้ได้ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านไปแล้ว
จากเดิมที่อยู่กับรัฐบาล เคยเป็น รมช.เกษตรฯ เคยขับเคลื่อนงานที่ดูแลมอบหมายเพื่อให้เป็นผลงานของรัฐบาล แต่วันนี้ ทุกอย่างกลับพลิก 360 องศา จ้องจะหาจุดอ่อนล้มรัฐบาลที่ตนเองเคยร่วมงานมาก่อน
ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน บางพรรคอ้าแขนรับ ร.อ.ธรรมนัสกับ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย แต่บางพรรคตีกัน ไม่เชื่อใจมาตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล
ในอดีตเมื่อครั้ง ร.อ.ธรรมนัส ยังเป็น รมช.เกษตรฯ และเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ส.ส.ฝ่ายค้านที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมมนัส คือนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในขณะนั้น
ในประเด็น ร.อ.ธรรมนัส มีคุณสมบัติต้องห้าม ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากเคยถูกศาลประเทศออสเตรเลีย พิพากษาให้จำคุก พร้อมกับเนรเทศกลับประเทศ ฐานความผิดฐานนำเข้าและค้ายาเสพติด
นำไปสู่การลุกขึ้นตอบโต้และคำชี้แจงของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยมีวรรคทอง ที่ต่อมากลายเป็นประโยคแห่งปี คือ “มันคือแป้ง”
เมื่อต้องกลับมาจับมือกันถล่มรัฐบาล ย่อมเกิดอาการกระอักกระอ่วนใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น แม้ในทางการเมืองในอดีตจะถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาก็ตาม