วันนี้ (25 ก.ค.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนบน เขต อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่มีปริมาณเกินความจุร้อยละ 101 ทำให้ขณะนี้น้ำล้นช่องระบายน้ำล้น หรือสปิลเวย์แล้ว
ปริมาณน้ำที่ล้นและไหลลงสู่ลำน้ำลำเชียงไกร อยู่ที่ 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ศักยภาพของลำน้ำรับได้สูงสุด 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงยังไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือน หรือพื้นที่การเกษตรด้านท้ายอ่าง
นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผอ.โครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยว่า แต่ละปีมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนบน ปีละ 110 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่อ่างรับน้ำได้เพียง 8.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง อ.โนนไทย มีน้ำไหลเข้าอ่างปีละ 105 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่อ่างสามารถรับน้ำได้เพียง 27.7 ล้านลูกบาศก์เมตร
ช่วงฤดูน้ำหลาก อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรทั้ง 2 แห่งนี้มีหน้าที่เพียงชะลอน้ำ หรือหน่วงน้ำไว้บางส่วนเท่านั้น เพื่อไม่ให้ไหลลงมาสมทบกับแม่น้ำมูลที่ อ.พิมาย พร้อมๆ กัน และชลประทานจะเริ่มกักเก็บน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคในช่วงปลายฝนต้นหนาว จึงทำให้ฤดูฝนมีน้ำเต็มอ่างทุกปี เมื่อน้ำท้ายอ่างลดลงแล้วจึงจะปล่อยน้ำลงสู่คลองธรรมชาติ เพื่อลดผลกระทบน้ำล้นตลิ่ง
ส่วนพื้นที่ท้ายน้ำอย่างเขื่อนพิมาย ขณะนี้ได้เปิดประตูระบายน้ำทางด้านปากคลองสายใหญ่ทั้ง 6 บาน ประตูระบายน้ำทางด้านทิศใต้ 2 บาน และประตูระบายน้ำลงสู่ลำน้ำเค็มอีก 3 บาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำล้นตลิ่งไหลท่วมบ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มต่ำ เนื่องจาก อ.พิมาย เป็นพื้นที่รับน้ำจากเขื่อนต่างๆ ใน จ.นครราชสีมา ขณะเดียวกันชลประทานได้แจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
อ่านข่าวอื่นๆ
เตือน 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยารับมือน้ำล้นตลิ่ง 27 ก.ค.นี้
เตือนใช้ถนนสาย 3199 ระวังช้างป่าสลักพระข้ามถนน