วันนี้ (9 ส.ค.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการสิทธิประโยชน์ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เสนอ ซึ่งในพื้นที่ EECa เป็นเขตประกอบการค้าเสรี เป็นเสมือนนอกประเทศ ซึ่งไม่ถูกจำกัดด้วยกฎหมายหลายประการ
พร้อมจัดให้มีกิจกรรมและสันทนาการ รองรับการใช้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เช่น โรงแรม 5 ดาวขึ้นไป ห้างสรรพสินค้าและ Duty Free ร้านอาหารระดับ Michelin Star งานแสดงสินค้าพื้นที่จัดการประชุม บริการความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ฯลฯ
ซึ่งจะเป็นการยกระดับสู่การเป็นสนามบินระดับโลก และเป็นศูนย์กลางการบินและโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน จึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยกรมศุลกากร และได้รับการสนับสนุนมาตรการสิทธิประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่าง ๆ
ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และกำหนดสิทธิประโยชน์ที่จำเป็นและเหมาะสม
ครม.เห็นชอบในวันนี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่มเป้าหมาย คือ
1.กลุ่มผู้ประกอบกิจการในพื้นที่เมืองการบิน รูปแบบสิทธิประโยชน์ที่ดำเนินการได้ คือ
(1) ดำเนินกิจกรรมสันทนาการตลอด 24 ชั่วโมง
(2) จำหน่ายแอลกอฮอล์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
(3) ตั้งด่านนำเข้าและส่งออกสุราและยาสูบ
(4) กำหนดเขตปลอดอากรและจัดตั้งคลังสินค้าทัณฑ์บน
(5) การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สูงสุดไม่เกิน 15 ปี และยกเว้นให้ไม่ต้องนำเงินปันผลจากการประกอบกิจการไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
2.กลุ่มคนทำงาน รูปแบบสิทธิประโยชน์ที่สามารถดำเนินการได้ คือ
(1) การผ่อนปรนข้อจำกัดด้านกฎหมายแรงงาน โดยให้คนต่างด้าวสามารถทำงานบางประเภทได้
(2) ปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนสิทธิประโยชน์ที่อยู่ระหว่างการหารือ คือ การปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
3.กลุ่มคนเดินทางและนักท่องเที่ยว รูปแบบสิทธิประโยชน์ที่สามารถดำเนินการได้ คือ การยกเว้นภาษีอากรและภาษีสรรพสามิต สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในพื้นที่เมืองการบินในช่วง 10 ปีแรก
ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ยังอยู่ระหว่างการหารือ ได้แก่
(1) การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าในพื้นที่ EECa รวมไม่เกิน 20,000 บาท/คน/ปี เฉพาะช่วง 10 ปีแรก และ (2) ขยายการยกเว้นภาษีอากรและภาษีสรรพสามิตสำหรับของติดตัวผู้เดินทางระหว่างประเทศขาเข้าให้ครอบคลุมสินค้าที่ซื้อในพื้นที่ EECa รวมไม่เกิน 200,000 บาท/คน/ปี เฉพาะช่วง 10 ปีแรก
นอกจากนี้ ที่ประชุมให้ สกพอ.นำความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเพิ่มเติม เช่น
1) ควรกำหนดการซื้อหรือปริมาณการนำเข้าสุราและยาสูบที่เหมาะสม เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาการลักลอบนำสินค้าออกมาจำหน่ายนอกพื้นที่เมืองการบิน
2) มาตรการด้านเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยในสนามบินที่จะนำมาใช้ ควรต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA
3) การกำหนดสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับผู้ประกอบกิจการใน EECa ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับที่ BOI ให้การส่งเสริม 4)ควรพิจารณาความจำเป็นในการผ่อนผันข้อจำกัดทางกฎหมายให้คนต่างด้าวสามารถทำงานที่ไทยไม่ได้ขาดแคลนหรือขาดทักษะ เช่น งานแกะสลักไม้ งานตัดผม งานเสริมสวย และงานขายของหน้าร้าน