การรับรองเป็นอุทยานธรณีโลกสตูล (Global Geopark) จากยูเนสโก นับเป็นแสงสว่างให้คนในท้องถิ่นที่คาดหวังว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในพื้นที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือ "วิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติก" ที่ไม่เคยหยุดนิ่งไปกับกาลเวลา แต่พัฒนาต่อยอดจากของดีในชุมชนสู่การเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางอุทยานธรณีโลกสตูล
หัวเรือใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ น.ส.กอบกุล โชติสกุล หรือ กิ่ง ในวัย 34 ปี ที่ตัดสินใจก้าวออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจในหัวหิน มาเริ่มต้นพัฒนาวิสาหกิจชุมชนที่บ้านเกิด จนกลายมาเป็นประธานวิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติกต่อจากพ่อของเธอ
เป็นเวลา 20 ปี ที่ น.ส.กอบกุล เติบโตมากับวิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติก ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ.2545 รายได้เริ่มลดลงไปตามภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ทายาทรุ่นที่ 2 คนนี้ มองหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้ชุมชนอีกครั้ง ด้วยเอกลักษณ์ "เขียนลายฟอสซิล ย้อมสีดิน " ซึ่งผู้อำนวยการอุทยานธรณีโลกสตูล ก็เข้ามาชักชวนให้ร่วมกันสร้างสรรค์ลวดลายฟอสซิล ทะเลโบราณยุคออร์โดวิเชียนได้ทันเวลาพอดี เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบอกเล่าเรื่องราวของอุทยานธรณีโลก
นอกจากลวดลายแล้ว น.ส.กอบกุล ยังได้ปรึกษากับนักวิจัย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อหาสีธรรมชาติมาใช้ย้อม โดยได้รับคำแนะนำจากกรมทรัพยากรธรณี อุทยานธรณีโลกสตูล และ สวทช.จนกลายมาเป็นผ้าย้อมสีดิน Terra rossa ที่เกิดจากย่อยสลายของหินปูน ทำให้ได้สีน้ำตาลอมส้มที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากผ้ามัดย้อมทั่วไป
การใช้สีดินเป็นโจทย์ท้าทาย เพราะย้อมหรือแต้มสีได้ยากกว่าสีเคมีที่ใช้โดยทั่วไป จึงต้องลองผิด ลองถูกอยู่หลายครั้ง เพื่อให้สีติดผ้า ในที่สุดความพยายามก็สำเร็จ เรามีผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากสีธรรมชาติ 100% และกลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียว
หลังสร้างจุดขายให้ผลิตภัณฑ์ได้แล้ว ประกอบกับการเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางท่องเที่ยวอุทยานธรณีโลกสตูล ทำให้รายได้ของวิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องมาสะดุดในช่วงวิกฤตโควิด-19 เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว แต่หลังจากสถานการณ์ดีขึ้น ทำให้ช่วงนี้ออร์เดอร์เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นแล้ว แต่กลับเจอปัญหาใหม่ คือ การขาดแคลนแรงงานฝีมือ
คนสูงอายุเกษียณตัวเอง ดึงคนรุ่นใหม่สืบทอด
น.ส.กอบกุล ยอมรับว่า สมาชิกวิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติกลดลงจาก 30 คน เหลืออยู่เพียง 3 คนเท่านั้น เพราะสมาชิกเก่าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ร่างกายเริ่มไม่ไหวกับการทำงานฝีมือที่ต้องก้มนาน ๆ จนทำให้ขณะนี้อาจเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงขาดแคลนแรงงานฝีมือ โดยเฉพาะช่างวาดลายบาติกที่ต้องใช้ทักษะและความชำนาญอย่างมาก
ทั้งนี้ ประธานวิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติกจึงริเริ่มการดึงคนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นเข้ามาเป็นอีกแรงขับเคลื่อน เพื่อต่อลมหายใจงานฝีมือของคนในชุมชนให้เดินต่อไปได้ แม้จะมีการเปิดสอนทั้งในรูปแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย และเก็บเงินเป็นรายคอร์ส แต่ก็ยังหาพนักงานใหม่ที่สนใจจะสืบสานทักษะนี้ต่อไปได้ยาก และผลิตผ้าไม่ทันตามออร์เดอร์ที่สั่งเข้ามามากกว่า 200 ออร์เดอร์ในขณะนี้
ตอนนี้พ่อก็อายุ 76 ปีแล้ว ส่วนแม่ก็ 60 กว่าปี เหลือช่างฝีมืออยู่เท่านี้ ส่วนตัวกิ่งไม่เก่งงานศิลปะ ไม่ถึงขั้นวาดลายได้ แต่คุ้นเคยกับเรื่องแต้มสี และฝึกบล็อกลายอยู่ เพราะดูมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้จึงพยายามจะหาคนรุ่นใหม่เข้ามาฝึกและช่วยทำงานเรื่อย ๆ
แต้มสีผ้าบาติก หวังของดีสตูลสู่สายตานักท่องเที่ยว
พนักงานหลังร้าน คือ บัณฑิตป้ายแดงที่เพิ่งเรียนจบ และตัดสินใจเลือกงานแรกในชีวิตด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของวิสาหกิจชุมชนปันหยาบาติก คนแรกเล่าว่า เคยทำงานพาร์ตไทม์ที่นี่มาก่อน เพื่อหารายได้ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย จึงกลับมาทำอีกครั้งเพราะอยู่ใกล้บ้าน และชื่นชอบศิลปะเป็นการส่วนตัว งานนี้ช่วยทำให้จิตใจสงบ และเป็นพื้นที่ให้ได้ฝึกทักษะฝีมือ
ในฐานะที่เป็นเยาวชน เมื่อได้มาทำงานตรงนี้ แล้วนักท่องเที่ยวมาเห็นเราก็ภูมิใจ บางคนไม่คิดว่าเด็กรุ่นใหม่จะมาทำงานนี้ แต่หนูแฮปปี้มาก และรู้สึกว่าที่ทำอยู่มันไม่ใช่การทำงาน แต่เป็นการทำให้คนอื่นได้รู้วัฒนธรรมของบ้านเราว่ามีอะไรดี มีอะไรเด่น
ขณะที่พนักงานอีกคน ระบุว่า หลังเรียนจบจากมาเลเซียก็ได้รับการทาบทามจากเพื่อนให้มาเป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นที่นี่ โดยทำงานมาแล้วประมาณ 1 ปี และรู้สึกภูมิใจกับงานทุกชิ้นที่ผ่านมือของตัวเอง เพราะนับเป็นงานที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ผ้าบางผืนอาจมีลวดลายแตกต่างกัน บางผืนอาจแต้มสีต่างกัน ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นเป็นงานทำงานที่มีกิมมิคเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จึงอยากจะทำงานนี้เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของบาติกสตูลและรู้ว่าที่บ้านเรายังมีของดีอีกมากมาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จัก "นวนุรักษ์" แพลตฟอร์มช่วยอนุรักษ์ความรู้ชาวบ้านผสานงานวิจัย
"สตูล" ลุ้นใบเขียวต่อ ประเมินอุทยานธรณีโลกจากยูเนสโกรอบใหม่
วันหยุดนี้ ชวนเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ดูสัตว์หายากใน "ถ้ำทะลุ"
"สวทช.-ชุมชน-นักวิชาการ" สร้างองค์ความรู้ท้องถิ่นใน "นวนุรักษ์" ส่งต่อให้คนรุ่นใหม่