เพราะหากผ่านวุฒิสภาออกมาประกาศใช้ จะทำให้ผู้กู้ยืมเงินจาก กยศ.กว่า 3.4 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกดำเนินคดีและระหว่างฟ้องร้องคดี จะได้รับอานิสงส์จากกฎหมายฉบับนี้ คือไม่ต้องถูกดำเนินคดี ไม่ต้องถูกฟ้องร้อง
เมื่อรวมกับกฎเกณฑ์เงื่อนไขใหม่ หลังจากมีการปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการ ก่อนจะผ่านวาระที่ 2 และ 3 อย่างชวนน่าฉงน ท่ามกลางข่าววงในลือกระหึ่มว่า แต่ละพรรคเห็นต่างจนถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเคร่ง
ด้านหนึ่งด้วยความเห็นที่แตกต่าง แต่อีกด้านหนึ่ง เป็นเรื่องทางการเมือง ที่แต่ละพรรคต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง
ในร่างกฎหมายที่ผ่านวาระ 3 ยังคงให้ผู้กู้ยืม กยศ.ต้องจ่ายเงินคืนให้กับ กยศ. แต่ให้การกู้ยืมไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ไม่ต้องจ่ายค่าปรับกรณีผิดนัดชำระหนี้คงค้าง ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน และให้มีผลย้อนหลังผู้กู้ยืมเงินและผู้ค้ำประกันทุกราย
ร่างที่ผ่านการแก้ไขดังกล่าว มีความเห็นต่างเป็น 2 ขั้ว คือฝายหนึ่งเห็นว่า เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลต้องกระจายและเปิดโอกาส ให้เยาวชนของชาติสามารถเข้าถึงได้
มีงบประมาณสนับสนุน ไม่มีเงื่อนไข จึงไม่ควรจะคิดดอกเบี้ยทั้งจากเงินต้นและค่าปรับ บางคนต้องการให้ยกเลิกหนี้ กยศ.ไปเลยก็มี ให้เหตุผลว่า ในบางประเทศ เป็นรัฐสวัสดิการ ทั้งจะช่วยครูอาจารย์ที่ถูกดำเนินคดี เพราะไปค้ำประกันให้กับลูกศิษย์ที่เบี้ยวจ่ายคืน
แต่อีกฝ่ายหนึ่งแย้งว่า เป็นความรับผิดชอบ เมื่อเป็นหนี้ต้องชำระ มีสำนึกและตระหนักในโอกาสที่ได้รับจากกยศ. หากละเลย เบี้ยวหนี้ หรือชักดาบ จะมีผลต่อบรรทัดฐานของสังคมเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และการสร้างวินัยทางการเงินให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ ช่วยให้คนรุ่นต่อ ๆ ไปได้มีเงินทุนให้กู้
ที่สำคัญเป็นความยุติธรรมสำหรับคนกู้ยืมเงินจากกยศ. แล้วมีความรับผิดชอบ บริหารจัดการเงินอย่างระวัง สามารถชำระคืนได้ แต่จะไม่ยุติธรรมเลย หากคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ กลับได้ประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้
ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ถกเถียงเรื่องนี้เช่นกัน หลังจากแต่ละพรรคมีจุดยืนต่างกัน กระทั่งจะปล่อยฟรีโหวต แต่ถูกปรามจากแกนนำในรัฐบาล มีการอ้างรัฐมนตรีคนหนึ่งในกระทรวงการคลังด้วยว่า
ตอนแรก ๆ พรรคร่วมรัฐบาลให้ความร่วมมือกันดี แต่พอช่วงปลายรัฐบาล มีบางพรรคจ้องจะนำกฎหมายนี้ไปหาใช้เสียง ขณะที่รัฐมนตรีจากประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางปลอดดอกเบี้ย ปลอดค่าปรับมาแต่ต้น เห็นว่า ไม่ควรสร้างวัฒนธรรมเบี้ยวหนี้ไห้ประชาชน
พรรคที่ตกเป็นเป้าว่านำเรื่อง กยศ.ไปใช้หาเสียง ย่อมหนีไม่พ้นพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็น 1 ใน 4 นโยบายหลักในการหาเสียงเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ถึงขั้นมีบางกระแสข่าวอ้างว่าพรรคภูมิใจไทย พยายามล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้สนับสนุนร่างนี้
หากผลักดันได้สำเร็จ จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะตอกย้ำความโดดเด่นให้กับพรรคภูมิใจไทย นอกเหนือจากเรื่องปลดล็อคกัญชาที่ถูกขวางในการประชุมสภาวันเดียวกัน กระทั่งต้องถอนร่างออกไปทบทวน
ร่างกฎหมาย กยศ. ต้องไปลุ้นในชั้นวุฒิสภา ว่าจะเห็นชอบหรือย้อนแย้งจากวุฒิสภา หรือนำไปสู่การตั้งกรรมาธิการ ร่วมแก้ไขปรับเปลี่ยนอีกหรือไม่
แต่ในทัศนะของ ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา คาดหมายว่า อาจจะมีความเห็นต่างนำไปสู่การตั้งกรรมาธิการร่วม เพื่อแก้ไขในบางประเด็น แต่เป็นสาระหลัก คืออาจต้องคิดดอกเบี้ยและเสียค่าปรับ แต่อัตราจะลดต่ำลงจากเดิม
ศ.ดร.สมพงษ์ ย้ำว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับร่างที่แก้ไขแล้ว คือปลอดดอกเบี้ย ไร้เงินค่าปรับ ไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน เพราะจะก่อให้เกิดผลดีต่อเด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ของประเทศที่โอกาสทางการศึกษาจะกว้างขึ้น ทำให้มีอนาคต ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ พ้นจากความยากจน แก้ปัญหาเด็กและเยาวชนจำนวนมากที่ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา