วันนี้ (23 ก.ย.2565) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งไม่คุ้มครองชั่วคราว ตามคำร้องจากบริษัท บริหารจัดการน้ำภาคตะวันออก หรือ อีสวอเตอร์
นายประภาส คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมกับนายอนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ลงนามทำสัญญาดำเนินโครงการบริหารจัดการท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก หรือ อีอีซี มูลค่า 25,000 ล้านบาท หลังจากถูกเลื่อนทำสัญญามาแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่เดือน พ.ค.2565
สำหรับสาระสำคัญสัญญาสัมปทานฉบับนี้ กำหนดให้ผู้บริหารโครงการฯ ตอบสนองความต้องการใช้น้ำของชุมชนและกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเพียงพอและทันต่อการณ์ เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงที่มีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันในภาคตะวันออก โดยกระทรวงการคลังจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรม
ตามมติคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2565 ให้บริษัท วงษ์สยาม ได้รับสิทธิการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี
บริษัทฯ ต้องชำระผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่กรมธนารักษ์ตลอดอายุสัญญา ดังนี้
- ค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญา เป็นเงิน 1,450 ล้านบาท
- ผลประโยชน์ตอบแทนรายปี (Fixed Fee) ปีแรกชำระในวันที่ลงนามในสัญญา เป็นเงิน 44.64 ล้านบาท รวมตลอดอายุสัญญาเป็นเงิน 2,908.03 ล้านบาท
- ส่วนแบ่งรายได้รายปี (Revenue Sharing) จากการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ในอัตราร้อยละ 27 ต่อปี ของรายได้รวมก่อนหักค่าใช้จ่ายทุกปีตลอดอายุสัญญา รวมเป็นเงิน 21,335.19 ล้านบาท