วันนี้ (24 ก.ย.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ระบุว่า มีความมั่นใจว่าผู้สมัครสามารถสู้คู่แข่งการเมืองในพื้นที่ได้
พรรคภูมิใจไทยไม่ห่วงเรื่องการลงพื้นที่หาเสียง หรือ การติดตั้งป้ายหาเสียงหลังจากที่พรุ่งนี้ 24 ก.ย.จะเริ่มนับห้วงเวลา 180 วันก่อนวันเลือกตั้งจะคิดคำนวณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง โดยจะศึกษาระเบียบกฎหมายให้รัดกุม
รวมถึงป้ายหาเสียงจะแก้ไขให้ถูกต้อง และย้ำว่า การติดตั้งป้ายหาเสียงเกิดขึ้นมาก่อนและทำมานานแล้วก่อนเริ่มนับ 180 วัน แต่ก็ระวังเรื่องของการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเช่นการสัญญาว่าจะให้ การแจกของ
ทัง้นี้ ได้มีการย้ำในไลน์กลุ่มของ ส.ส.พรรค ว่า อะไรทำได้หรือทำไม่ได้ พร้อมหยิบยกกรณีการจัดเวทีภูมิใจไทยสัญจรในวันนี้ก็เพื่อไม่ให้ตรงกับวันที่ 24 ก.ย.
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังกล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะได้เปรียบในการหาเสียงเลือกตั้ง เนื่องจากมีหมวก 2 ใบที่เป็นรัฐมนตรี และความเป็นพรรคการเมืองในการลงพื้นที่
นายอนุทินชี้แจงว่า พรรคภูมิใจไทยได้เปรียบเพราะได้ลงมือทำงานก่อนคนอื่นทำงานหนักกว่าคนอื่น เราก็ต้องได้เปรียบ ไม่ใช่ความได้เปรียบเกิดขึ้นจากการเอาเปรียบคนอื่น
แต่ทำด้วยความขยันขันแข็ง ลงพื้นที่ไม่เคยขาด รัฐมนตรีของพรรคก็ลงพื้นที่มาตลอดหากจะได้เปรียบ ก็ถือเป็นความได้เปรียบที่พึงจะได้เพราะไม่ใช่เอาอำนาจที่มีอยู่ไปกีดกันคนอื่น
นายอนุทินยังตอบคำถามสื่อมวลชนถึง กรณีตั้งเป้าเป็นพรรคแกนหลักจัดตั้งรัฐบาล ประกาศตัวพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โดยระบุว่า พรรคภูมิใจไทยเสนอบุคคลใดเป็นนายกฯ พรรคต้องทำให้ประชาชนมั่นใจ
ด้วยการตั้งเป้าเป็นพรรคอันดับ 1 หากมี จำนวน ส.ส.มาก ก็จะสามารถผลักดันเป้าหมายได้ และพรรคภูมิใจไทยจะไม่เป็นเหยื่อเกมการเมืองของใคร ส่วนจะได้จำนวน ส.ส.เกิน 100 หรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต โดยยืนยันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ถ้าเราทำงานเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ แทนที่สิ่งเรานั้นจะได้รับการสนับสนุน จากบรรดาคนการเมืองด้วยกัน แต่มีการเตะตัดแข้ง ตัดขา ผลเสียก็เกิดต่อประชาชน ไม่ได้เกิดผลเสียต่อสมาชิกพรรคภูมิใจไทยแม้แต่น้อย
นายอนุทินกล่าว เพิ่มเติมว่า ตรงนี้ทำให้ภูมิใจไทยสามารถบอกประชาชนได้ว่าปัญหาคืออะไร คนที่ไม่ได้ทำงานไม่เข้าใจ ใครทำอะไรออกมาก็เหมือนกับปล่อยไก่ เราจึงไม่มีความหวั่นไหว แต่ทำให้การเมืองไม่เข้มแข็ง บางคนตัดสินใจทำแบบนี้กับพรรคภูมิใจไทย ก็เพราะว่าเขาไม่ต้องมีการพึ่งพาอะไรกันแล้ว ไม่ต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไหน ผ่านกฎหมายสำคัญแล้ว ก็เลยปฏิบัติตัวแบบนี้
นายอนุทิน ยังระบุว่า เจ็บที่ประชาชนเสียประโยชน์และเสียโอกาส ไม่ได้เจ็บเพราะตัวเองเกิดประโยชน์อะไรโดย ได้เล่าสิ่งที่เคยพูดแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ต้องการมีเรื่องกับใคร อย่ามาทำพรรคภูมิใจไทยเลย ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเดียว อย่ามาตีพรรคภูมิใจไทย หากมาตีพรรคภูมิใจไทยก็ทำประโยชน์ให้ประชาชนไม่ได้เต็มที่
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น หรือพื้นที่จังหวัดใด ไม่มีพื้นที่ทางการเมืองของใคร เพราะอยู่ที่ว่าใครทำงานให้ประชาชนแค่ไหน เพราะ จ.บุรีรัมย์ ก็ไม่ใช่จังหวัดของภูมิใจไทย หาก ส.ส. ภูมิใจไทย ใน จ.บุรีรัมย์ ขี้เกียจ ก็รักษาพื้นที่ไม่ได้
ทั้งนี้ ไม่ขอประเมินความยากง่ายในการทำพื้นที่ทางการเมือง ใน จ.ขอนแก่น แต่จะดูความทุ่มเทของอาสาสมัครที่จะมาเป็นผู้แทนในการทุ่มเททำงานในพื้นที่ โดยได้มอบหมายให้นายเอกราช ช่างเหลา เป็นผู้ประสานงานในเขตที่เหลืออยู่
นายอนุทิน ยังปฏิเสธถึงข้อสังเกตการณ์กรณีไม่โต้ตอบกับพรรคเพื่อไทยว่า จะเป็นการร่วมงานกันทางการเมืองในอนาคตหรือไม่ เพียงแต่ชี้แจงว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ยุ่งอะไรกับใคร
หากพรรคการเมืองใดที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนพรรคภูมิใจไทยก็พร้อมสนับสนุน แต่เหตุใดเมื่อพรรคภูมิใจไทยต้องการทำประโยชน์ให้กับประชาชนแต่พรรคการเมืองอื่นขัดแข้งขัดขาพรรคภูมิใจไทย ก่อนจะระบุว่า โชคดีที่ได้ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าไว้ก่อนจึงมีการเตรียมการป้องกันเอาไว้ แต่ไม่ได้ตอบว่าเป็นเพราะไม่ไว้ใจพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่เพียงแต่ชี้แจงว่าเป็นสัญชาตญาณของหัวหน้าพรรค
นายอนุทินยังระบุว่า ให้รอดูผลการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า พรรคภูมิใจจะจับมือกับพรรคใดจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเปิดใจว่า รู้สึกกดดันและอึดอัด เมื่อต้องรอว่าคนโน้นคนนี้จะเอาเราหรือไม่ แต่ตั้งเป้าทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยว่า พยายามทำให้ถึงจุดที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเลือกใครดีกว่า
เมื่อถามว่า มีกลุ่มประชาชนชาวขอนแก่นที่สนับสนุนชูป้ายหนุนให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายอนุทินกล่าวว่า สมพรปาก
นายอนุทินยังกล่าวในช่วงท้ายว่า ในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯชั่วคราวด้วยคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญนั้นว่า มีโอกาสได้พบพูดคุยกัน 2 ครั้งครั้งหนึ่งไปขอพรเนื่องในวันเกิด ซึ่งจากการพูดคุยบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีที่สบายใจ โดยไม่ขอก้าวล่วงคำวินิจฉัยของศาล แต่ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลก็ให้กำลังใจ และย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้มแข็งอยู่แล้ว