วันนี้ (26 ก.ย.2565) นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่กิจกรรมรับน้องที่ให้รุ่นน้องอมไข่ดิบส่งต่อปากต่อปากจนถึงคนสุดท้ายแล้วให้กิน ถือเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงสูงมาก เพราะไข่ดิบอาจปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
ส่วนไข่ขาวดิบ เมื่อบริโภคเข้าไปจะขัดขวาง การดูดซึมไบโอติน ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งในลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมวิตามินบีชนิดนั้นไปใช้ประโยชน์ได้ จึงได้รับประโยชน์ไม่เต็มที่
นอกจากนี้ปากเป็นช่องทางการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งโรคหลายชนิดอยู่ในน้ำลาย โพรงจมูก ลำคอ ได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือเชื้อจากแผลบริเวณริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม หรือโรคเหงือกและฟันอักเสบ
โดยปกติในปากและน้ำลายของแต่ละคนมีเอนไซม์ และมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ได้บางส่วน แต่ไม่สามารถป้องกันโรคได้ทั้งหมด ทำให้การติดโรคทางน้ำลายมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณความรุนแรงของเชื้อ และมีโอกาสติดเชื้อสูง
กรณีที่ผู้รับเชื้อมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำ หรือผู้รับเชื้อมีแผลในปาก มีเชื้อราในปาก เหงือกอักเสบ ก็จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ คางทูม ไวรัสตับอักเสบเอและอี โรคติดเชื้อโควิด-19 เสี่ยงกับโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสในน้ำลายอื่นๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ
แนะกิจกรรมรับน้องสร้างสรรค์
ทั้งนี้ การทำกิจกรรมการรับน้องที่เหมาะสม และสร้างสรรค์มีหลากหลายรูปแบบที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน เช่น จิตอาสาทำความสะอาดวัด เก็บ คัดแยกขยะในชุมชน กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการแสดงออกถึงความรักใคร่กลมเกลียวสามัคคี ได้มากกว่าการรับน้องที่ใช้วิธีการที่เสี่ยงต่อการติดโรค และส่งผลกระทบต่อสุขภาพตามมา
อย่างการกินไข่ดิบโดยใช้ปากส่งต่อกัน หรือดื่มน้ำสาบานโดยใช้หลอดร่วมกันเทียบได้กับการกินอาหารโดยไม่ใช้ช้อนกลาง ทำให้มีโอกาสติดโรคได้เช่นกัน