ต้องพึงปฏิบัติและละเว้น ในช่วงเวลานับถอยหลังสู่การเลือกตั้งส.ส. คือเป็นการสกัด “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย
อันเป็นเป้ายุทธศาสตร์สำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่ประกาศจะกวาด ส.ส.250 คนขึ้นไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อเอาชนะเสียง ส.ว.250 เสียง ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่มาการแต่งตั้งของ คสช. และจะเป็นเสียงที่ชี้ชะตากำหนดว่า นายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้งครั้วหน้าจะเป็นใคร
เพราะหากได้เสียงเกินกว่า 250 เสียงขึ้นไป เท่ากับมีต้นทุนสูงกว่า ส.ว.มีที่อยู่ทั้งรัฐสภาไปแล้ว และจะเป็นแรงกดดันให้ส.ว.ต้องคิดหนัก และไม่กล้าที่จะสนับสนุนแคนดิเดทนายกฯ ที่มาจากการเสนอชื่อของพรรคการเมือง เพราะเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนแสดงออกถึงประชามติไปแล้ว
ขณะที่พรรคการเมืองอื่น ก็ต้องระวังเช่นกัน หากยังจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่น ต่างจากหลังเลือกตั้งส.ส.ปี 2562 ที่หลายพรรคการเมืองไปสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ แต่เป็นเพราะจำนวนส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เพียง 136 เสียง
หากครั้งนี้ได้ส.ส.ทะลุเป้า 250 คนขึ้นไป พรรคการเมืองอื่นจะตัดสินใจง่ายขึ้น และไม่เกรงจะโดนเสียงก่นด่าจากประชาชนผู้อกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เมื่อตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล
การชูยุทธการ “แลนด์สไลด์” ทั้งแผ่นดิน จึงถูกปลุกจากพรรคเพื่อไทย ภายใต้การได้ทายาทคนสุดท้องของนายทักษิณ ชินวัตร คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ และนั่งในตำแหน่งสำคัญคือ “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”
ประเดิมเบื้องต้นจากเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพฯ หรือ ส.ก.20 ที่นั่ง มากเป็นอันดับ 1 ในกรุงเทพฯ ก่อนจะตอกย้ำชัยชนะอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง จากการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ร้อยเอ็ด ที่นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด 5 สมัย เอาชนะคู่แข่งจากเครือข่ายพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล หลังการลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในโค้งสุดท้ายของน.ส.แพทองธาร และแกนนำหลายคนจากพรรคเพื่อไทย
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พรรคเพื่อไทยจะชื่นชมยินดีและเผยแพร่ชัยชนะครั้งสำคัญนี้อย่างแพร่หลาย เพราะเป็นนัยที่พรรคเพื่อไทยปักธงได้สำเร็จ สะท้อนให้เห็นความนิยมจากประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
เป็นการช่วยตีปี๊บรอศึกใหญ่ เลือกตั้งส.ส.ทั่วประเทศที่รออยู่เบื้องหน้า ในอีกไม่นานเกินรอ