วันนี้ (3 ต.ค.2565) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "มุมการเมือง" ทางไทยพีบีเอส ถึงกรณีการเสนอชื่อบุคคลที่จะได้รับเลือกเป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า
ก่อนหน้านี้มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ต่อมาภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ และนับการดำรงตำแหน่งนายกฯจะครบ 8 ปี ใน เดือน เม.ย.ปี 68 ซึ่งหลังจากนั้นยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้เพิ่มเติม เพราะขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ ต่อ ส่วน พล.อ.ประวิตร ก็ทำหน้าที่ในฐานะรองนายกฯ ต่อไป
นายไพบูลยฺ์ ยังกล่าวว่า การจะเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคมี 2 ปัจจัย คือ 1.บุคคล เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯที่มาจากการเสนอชื่อของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว และดำรงตำแหน่งใกล้ครบวาระ และในสมัยหน้าจะเป็นไปอย่างไรนั้น ต้องเคารพการใช้ดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยว่ายินยอมที่จะให้เสนอชื่อหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88
ขั้นต่อมาคือ ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ผ่านที่ประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ขณะนี้เหมือนกับหลายพรรคที่ยังไม่สามารถบอกถึงแคนดิเดตได้ชัดเจน แต่สามารถบอกได้เบื้องต้นว่า หัวหน้าพรรคที่จะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตของพรรคได้
นายไพบูลย์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า จะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค นั้นอาจมีผู้ให้ความเห็นแต่ยังไม่มีสิ่งที่เป็นทางการ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของผู้ที่ออกมาให้ความเห็น
แต่ทั้งนี้ต้องเคารพดุลพินิจ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ยังไม่ใช่เวลาที่จะต้องคิดในเรื่องดังกล่าว และในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯของพรรค รวมถึงทั้ง 2 ท่าน ขณะนี้มุ่งหน้าที่จะช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากภาวะน้ำท่วมมากว่า
นายไพบูลย์ ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูยเพื่อยกเลิกปมวาระ 8 ปี ตามที่มีกระแสจากนักวิชาการ นั้นไม่มีความเป็นไปได้เลย เป็นการสร้างความเสียหายต่อ พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า รวมถึงพาดพิงพรรคพลังประชารัฐด้วย ซึ่งไม่มีความเป็นจริงทั้งสิ้น ทั้งผู้เสนอและผู้จะดำเนินการ ไม่มีใครจะทำเช่นนั้น
เป็นเรื่องไม่สมควร เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปทำ ไม่ได้แก้ไขกันง่าย เป็นการพูดไปเพื่อให้สังคมเข้าใจนายกฯผิดไป เพิ่มความเกลียดชังในสังคมโดยใช่เหตุ ซึ่งนักวิชาการควรเพิ่มความระมัดระวังด้วย