ข้อมูลจากการสอบสวนของตำรวจที่เข้าคลี่คลายคดีเหตุรุนแรงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ได้จากผู้เป็นแม่ และพยานแวดล้อมอื่น ๆ ทำให้เชื่อว่า แรงจูงใจการก่อเหตุมาจากหลายปัจจัยที่พัฒนาการเรื่อยมา จนตัดสินใจครั้งสุดท้าย ด้วยอาการ "สติแตก"
แหล่งข่าวในชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยไทยบีเอสว่า ในช่วงวัยเด็ก ผู้ก่อเหตุเจอปัญหาหย่าร้างของพ่อกับแม่ และเริ่มเสพยาบ้าตั้งแต่ชั้น ป.5 - ป.6 และเสพสลับการหยุดเรื่อยมา พูดน้อยหรือพูดเท่าที่จำเป็น และแสดงออกถึงการใช้ความรุนแรงบ่อยครั้ง
แต่อีกด้านเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง แม้จะมีปัญหาครอบครัวและใช้ยาตั้งแต่เด็ก ก็เอาตัวรอด สามารถสอบเข้านักเรียนนายสิบตำรวจได้ และผ่านการตรวจปัสสาวะ ไม่พบสารเสพติด
อดีตตำรวจ จบนิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่เมื่อย้ายกลับไปรับราชการที่ จ.หนองบัวลำภู เริ่มพบพฤติกรรมใช้ปืนยิงข่มขู่ ยิงสุนัข และแมวจนตายต่อหน้าเพื่อน ๆ ร่วมโรงพัก และเคยถูกผู้บังคับบัญชายึดปืนไว้
แหล่งข่าวระบุว่า จากการเสพยามายาวนาน ทำให้เขาเริ่มมีอาการป่วยทางจิต ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ใน จ.หนองบัวลำภู เมื่อเดือน ม.ค.2565 ซึ่งเป็นเดือนที่ถูกจับพร้อมยาบ้า 1 เม็ด และยังรักษาต่อเนื่อง
หลังถูกไล่ออกก็เจอปัญหาภรรยาใหม่ขอแยกทาง ผิดหวังกับการหางานใหม่ที่ อบต.อุทัยสวรรค์ รวมทั้งเคยพาแม่ไปขอให้นายดนัยโชค อุดมโสม นายก อบต.แห่งนี้ ช่วยเหลือคดียาบ้า
ตำรวจเชื่อว่า ทั้งการขอให้ช่วยเหลือด้านคดีและสมัครเป็นลูกจ้าง อบต.เป็นสาเหตุร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ลูกติดภรรยา ที่เขาให้ความรักมากถูกเพื่อนล้อว่า "ลูกขี้ยา" จนกลายเป็นความแค้นแบบ "สติแตก" ก่อเหตุสะเทือนขวัญ