วันที่ 16 ต.ค.2565 สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เปิดการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ด้วยการกล่าวทบทวนเหตุการณ์ในรอบ 10 ปี ย้อนไปตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 ว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น 3 ประการ ได้แก่
1. การฉลองครบรอบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน
2. การเข้าสู่ยุคใหม่แห่งระบบสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์ของจีน
3. การกำจัดความยากจนด้วยการมุ่งมั่นสร้างสังคมที่มั่งคั่งอย่างพอประมาณในทุกมิติ
ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการบรรลุเป้าหมายของพรรคในช่วง 100 ปีแรก
ส่วนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา หลังการประชุมครั้งล่าสุด ผู้นำจีนเรียกขานช่วงเวลานี้ว่า เป็นเวลาที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง และถึงกับใช้คำว่า ผิดปกติ
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่อาคารมหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ท่ามกลางการตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของทหารและตำรวจบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน
การกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำจีนบนเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 เมื่อวานนี้ กินเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าที่เคยเกิดขึ้นในการประชุมเมื่อปี 2017 ที่กินเวลาราว 3 ชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากครั้งนี้ผู้นำจีนไม่ได้อ่านรายงานทั้งฉบับ อย่างที่ทำเมื่อการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคในครั้งที่แล้ว
ในปัจจุบัน สี จิ้นผิง นั่งเก้าอี้ 3 ตำแหน่ง คือ
1. เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน
2. ประธานาธิบดี ผู้นำของประเทศ
3. ประธานกรรมาธิการทหาร คุมกองทัพจีนทั้งหมด
คาดว่า สี จิ้นผิง วัย 69 ปี จะได้รับความไว้วางใจ ให้บริหารประเทศต่อเนื่องเป็นสมัยที่ 3 ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการตอกย้ำสถานะผู้นำประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน นับตั้งแต่ยุค เหมา เจ๋อตง
และแน่นอนว่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ย่อมต้องกล่าวถึงความสำเร็จในผลงานของตนเอง และประเด็นที่ทั่วโลกจับตา หนีไม่พ้นโควิด-19 ซึ่งผู้นำจีนส่งสัญญาณแล้วว่า น่าจะไม่มีการคลายมาตรการอย่างฉับพลันอย่างที่คาดกันไว้ โดยเขาระบุว่า มาตรการโควิดเป็นศูนย์คือสงครามของประชาชนที่ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสนี้
ว่าที่ผู้นำจีนสมัยที่ 3 ระบุว่า จีนให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นอันดับแรก รวมทั้งคุ้มครองความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนในระดับสูงสุด โดยการยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกทั้งในการป้องกันการแพร่ระบาดและด้านการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ สี จิ้นผิง ยังกล่าวถึงประเด็นอื่นๆ เช่น ความสำเร็จในการปราบปรามการทุจริต การกำจัดภัยอันตรายร้ายแรงที่แฝงอยู่ภายในพรรคคอมมิวนิสต์ รัฐบาลและกองทัพ เรียกร้องให้เดินหน้าเสริมสร้างกองทัพที่มีขีดความสามารถทัดเทียมในระดับโลก
ส่วนเรื่องไต้หวัน ผู้นำจีนย้ำว่า การแก้ไขปัญหากรณีไต้หวัน เป็นกิจการภายในของจีน พร้อมทั้งยึดมั่นในการมุ่งสู่การรวมชาติอย่างสันติ และย้ำว่า จีนจะไม่มีทางให้คำมั่นว่าจะละทิ้งการใช้กำลังจัดการกับไต้หวัน และการรวมชาติอย่างสมบูรณ์จะต้องเกิดขึ้น และจะเกิดขึ้นในอนาคต
ทางด้านฮ่องกง ผู้นำจีนประกาศความสำเร็จในการควบคุมฮ่องกงและเปลี่ยนสถานการณ์ความวุ่นวายให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแล หลังเผชิญการประท้วงรุนแรงเมื่อ 3 ปีก่อน
ขณะที่สื่อการทางเกาหลีเหนือ รายงานว่า สี จิ้นผิง ส่งสาส์นถึง คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ โดยมีใจความสำคัญว่า ขณะนี้การสื่อสารระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือสำคัญยิ่งกว่าที่เคย เช่นเดียวกับความสามัคคีและความร่วมมือกัน
โดยสาส์นดังกล่าวเป็นการตอบกลับสาส์นแสดงความยินดีจากผู้นำเกาหลีเหนือ ในโอกาสการจัดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน
และผู้นำจีนยังแสดงท่าทีกระตือรือร้นในการกระชับความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ เพื่อสร้างความสุขและปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค รวมถึงสำหรับทั้งโลกด้วย
การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 เริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปักกิ่ง ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ที่อาคารมหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 22 ต.ค. รวมระยะเวลาประชุม 7 วัน มีผู้เข้าร่วมทั้งหมด 2,296 คน จากสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ไม่ต่ำกว่า 90 ล้านคนทั่วประเทศ
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการจับตามองถึงผลกระทบของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อเศรษฐกิจจีน และในช่วง 7 วันนี้ จะมีการหารือถึงวาระสำคัญต่างๆ ทั้งการทบทวนผลงานตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไปจนถึงการวิเคราะห์สภาพการณ์เพื่อเดินหน้าผลักดันนโยบายที่เหมาะสม ภายใต้เป้าหมายในการสร้างจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่และส่งเสริมการฟื้นฟูชาติตามเป้าหมายของ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
นอกจากนี้ที่ประชุมพรรคจะประกาศรายชื่อสมาชิกกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ หรือ โปลิตบูโรชุดใหม่ ในจำนวนนี้มีคณะกรรมการถาวร 7 คน ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศที่นำโดยเลขาธิการใหญ่ โดยทุกฝ่ายคาดว่า เวทีนี้จะถูกใช้กระชับอำนาจของ สี จิ้นผิงและต่ออายุการดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของผู้นำคนนี้เป็นสมัยที่ 3