วันนี้ (17 ต.ค.2565) จากผลงานที่ล้มเหลวของทีมชาติไทย ตั้งแต่ชุดอายุไม่เกิน 16 ปี, 19 ปี และ 23 ปี ทำให้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย หรือ บิ๊กอ๊อด ถูกแฟนบอลวิจารณ์ และกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบต่อผลงานภายใต้วลีที่เคยพูดไว้ "ใครไม่อาย ผมอาย" รวมกับกระแสที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย กดดันบิ๊กอ๊อด หากไม่ได้แชมป์ซีเกมส์ที่กัมพูชาปีหน้า ต้องลาออกเพื่อรับผิดชอบผลงาน
อย่างไรก็ตาม ทางกลับกันหากการเมืองเข้ามาแทรกแซงวงการลูกหนัง อาจทำให้มีสิทธิ์ถูกฟีฟ่าลงโทษแบน เหมือนกับที่อินโดนีเซีย เคยถูกแบนห้ามแข่งขันรายการที่ฟีฟ่า และเอเอฟซี ลงแข่งมาแล้ว
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ จะหมดวาระลงในเดือน ก.พ.ปี 2567 ซึ่งคาดว่าจะยุติบทบาทไว้เพียง 2 สมัยเท่านั้น โดยมี "บิ๊กหยิม" ยุทธนา หยิมการุณ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามารับตำแหน่ง จากการเช็กเสียงในงานประชุมโมโตจีพีที่ผ่านมา
สำหรับ "บิ๊กหยิม" คลุกคลีในวงการฟุตบอลไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเป็นอุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล ฝ่ายจัดการแข่งขัน และเป็นประธานสรรหาผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุด 23 ปีลุยซีเกมส์ และคัดเลือกโอลิมปิก รวมทั้งยังนั่งในตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์สโมสรคัสตอม ยูไนเต็ด ในไทยลีก 2
ขณะที่นายสมฤกษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้สื่อข่าวฟุตบอลไทย มองว่า นายยุทธนา มีคุณสมบัติที่เหมาะสม แต่สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสโมสรสมาชิก โดยเฉพาะการผลักดันของกลุ่มฐานเสียงจากสโมสรบิ๊กเนมอย่าง กลุ่มบุรีรัมย์, ชลบุรี, เมืองทอง และท่าเรือ
แม้แฟนบอลในโลกโซเชียลบางส่วนจะต้องการให้ "ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน" ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติไทย มานั่งตำแหน่งนายกสมาคม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมต้องมีคอนเนคชั่นกว้างขวาง เนื่องจากสิทธิ์ขาดในการเลือกตั้งอยู่ที่สโมสรสมาชิก ซึ่งมาจากทีมที่ส่งแข่งในลีกอาชีพ และในลีกสมัครเล่น
นอกจากนี้ สมาคมฟุตบอล ยังค้างจ่ายเงินให้สโมสรอีสาน ยูไนเต็ด จำนวน 32 ล้านบาท จากปัญหาในเรื่องตัดสิทธิ์การทำทีมเมื่อปี 2556 ในยุคนาย วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคม